คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยอมความในคดีอาญา ความผิดต่อส่วนตัวนั้น แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
(อ้างฎีกาที่ 976/2481)
ในส่วนแพ่ง การประนีประนอมยอมความ ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้และข้อที่อ้างว่า ได้ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความครบถ้วนแล้ว โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้ เพราะการนำสืบพยานบุคคลในข้อนี้ มีผลเป็นการยกสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นต่อสู้ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๐๕ จำเลยซื้อถั่วมันจากโจทก์ราคา ๓๐,๐๐๐ บาท แล้วออกเช็คเป็นการชำระราคา วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๐๕ โจทก์นำเช็คซึ่งถึงกำหนดชำระเงินไปขอรับเงิน ธนาคารปฏิเสธ ไม่จ่ายเงินให้ โดยจำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีพอจ่าย โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยว่าจะนำเงินเข้าธนาคาร โจทก์ได้นำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารอีกธนาคารปฏิเสธเช่นเดิม จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ โจทก์ควรได้รับเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท แต่วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๐๕ แต่ไม่ได้รับ คงเสียหายขาดประโยชน์คิดเป็นดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓ และขอให้จำเลยใช้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินจากมารดาโจทก์และออกเช็คพิพาทเป็นประกันเงินกู้ต่อมาจำเลยมีหนี้สินมาก โจทก์และบรรดาเจ้าหนี้ตกลงคิดเอาเพียง ๒๐% ของหนี้ โดยให้ผ่อนชำระ มารดาโจทก์เก็บเงินจากจำเลย ๓ คราว ครบ ๖,๐๐๐ บาท และขอให้จำเลยเพิ่มอีก ๑๐% จำเลยเพิ่มให้ และได้รับเงินไปหมดเมื่อประมาณปี ๒๕๐๕ รวม ๙,๐๐๐ บาท โจทก์กลับเอาเช็คซึ่งมีการประนอมหนี้ และชำระเงินตามข้อตกลงไปแล้วมาฟ้อง จึงเป็นโมฆะและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คประกันเงินกู้ ไม่มีเจตนาใช้เงินตามเช็คและโจทก์ได้ตกลงประนอมหนี้กับจำเลย เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้เช็คจึงระงับและเป็นการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๒) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยออกเช็คชำระราคาถั่วมัน มีการประนอมหนี้ตกลงเอา ๒๐% หนี้ตามเช็คระงับ ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คระงับไปด้วย จึงเป็นการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๒) สิทธิฟ้องคดีระงับไป การประนอมหนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานก็ใช้ได้นัยฎีกา ๙๗๖/๒๔๘๑ ในทางอาญา จำเลยไม่มีความผิด ส่วนทางแพ่งนั้นการประนอมหนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแต่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๐ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ซึ่งหมายถึงจำเลยยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้ด้วย นัยฎีกา ๒๓๗/๒๕๐๔ และฟังว่าจำเลยชำระเงินไม่ได้ พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวนั้น แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็มีผลทำให้สิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙(๒) ดังฎีกาที่ ๙๗๖/๒๔๘๑ ฉะนั้น การประนอมหนี้ในคดีนี้เป็นการยอมความที่ใช้ได้แล้ว สิทธิฟ้องร้องคดีของโจทก์ย่อมระงับไป
ในส่วนแพ่งเห็ฯว่า การประนอมหนี้ในคดีนี้ เป็นการประนีประนอมยอมความ ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ ดังศาลอุทธรณ์อ้างบทกฎหมายและคำพิพากษาฎีกามาชอบแล้ว ฉะนั้น จำเลยจะอ้างในส่วนแพ่งไม่ได้ว่าเช็คพิพาทได้ประนอมหนี้หรือประนีประนอมยอมความแล้ว ทั้งอ้างไม่ได้ว่าเช็คตกเป็นโมฆะโดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติเช่นนั้น ข้อที่อ้างว่า ได้ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความครบถ้วนแล้ว ก็ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จะยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้ เพราะการนำสืบพยานบุคคลในข้อนี้ มีผลเป็นการยกสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นต่อสู้ด้วย เมื่อรับฟังไม่ได้ว่ามีการประนีประนอมยอมความ จำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คย่อมถูกผูกพัน จะปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามเช็คหาได้ไม่ ไม่ว่าจะเป็นเช็คที่ออกประกันหนี้เงินกู้หรือชำระราคาถั่วมันก็ตาม พิพากษายืน

Share