แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อกำหนดข้อ5ระบุถึงการชำระเงินในกรณีที่ไม่ได้เป็นไปตามปกติโจทก์อาจจะคิดเงินจากจำเลยทั้งสามจำนวน300บาทที่จะทดแทนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของโจทก์หรือจำนวน500บาทเมื่อเช็คหรือดราฟท์แต่ละฉบับไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ภายในเวลา3เดือนสำหรับข้อกำหนด6ระบุถึงค่าปรับในกรณีที่ผิดนัดชำระหนี้ทั้งนี้โจทก์จะเรียกค่าปรับจากจำเลยทั้งสามได้ต่อเมื่อโจทก์ไม่ได้รับการชำระเงินค่าสินค้าและค่าบริการครบจำนวนตามที่แสดงไว้ในใบเก็บเงินในวันปิดบัญชีรายเดือนในเดือนถัดไปซึ่งเป็นจำนวนยอดเงินค้างชำระจากงวดก่อนโดยค่าปรับประกอบด้วยค่าทดแทนการออกเงินทุนเพิ่ม1เปอร์เซ็นต์และค่าปรับเพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายจากการเรียกเก็บเงิน2.5เปอร์เซนต์เห็นได้ว่ากิจการของโจทก์เป็นการให้บริการแก่สมาชิกไม่มีลักษณะเป็นการให้กู้ยืมเงินค่าปรับตามข้อกำหนดดังกล่าวไม่ใช่ดอกเบี้ยสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาประเภทหนึ่งไม่อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา224และมาตรา654และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นสมาชิกบัตรเสริม จำเลยทั้งสามใช้บัตรดังกล่าวแทนเงินสดในการซื้อสินค้าและบริการตลอดจนเบิกเงินจากสถานประกอบกิจการค้าที่เป็นสมาชิกของโจทก์เป็นเงินรวม148,675.25 บาท โจทก์ได้ออกเงินทดรองจ่ายแทนจำเลยทั้งสามให้แก่สถานประกอบกิจการค้าต่าง ๆ ไปแล้ว และได้จัดส่งหลักฐานไปยังจำเลยทั้งสามเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระจำเลยทั้งสามต้องรับผิดชำระค่าทดแทนการออกเงินทุนเพิ่มในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน และค่าปรับเพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายจากการเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 2.5 ต่อเดือน คิดตั้งแต่วันที่7 เมษายน 2535 อันเป็นวันที่จำเลยทั้งสามผิดนัดชำระเงินที่โจทก์เรียกเก็บทั้งหมดถึงวันฟ้องเป็นเงินรวม 52,036.30 บาทจำเลยที่ 1 ชำระให้โจทก์แล้วจำนวน 33,403.75 บาท คงค้างเป็นหนี้ค่าทดแทนและค่าปรับเป็นเงินจำนวน 18,632.55 บาทรวมจำนวน 167,307.80 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระเงินจำนวน 167,307.80 บาท พร้อมกับชำระเงินค่าทดแทนการออกเงินทุนเพิ่มในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน และค่าปรับเพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายจากการเรียกเก็บเงินในอัตราร้อยละ 2.5 ต่อเดือน จากต้นเงิน 148,675.25 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามยอมรับว่าจำเลยที่ 1เป็นสมาชิกบัตรอเมริกันเอ๊กซ์เพรส จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นสมาชิกบัตรเสริมของโจทก์แต่โจทก์ปกปิดมิเคยแจ้งให้ทราบถึงข้อสัญญาและเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียว จำเลยทั้งสามมิได้รู้เห็นและตกลงยินยอมด้วย จำเลยทั้งสามเพิ่งทราบเมื่อได้รับสำเนาคำฟ้องโจทก์ ข้อกำหนดในสัญญาเป็นโมฆะเพราะขัดต่อบทบัญญัติกฎหมายโดยชัดแจ้งขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 และมาตรา 654 โจทก์ประกอบธุรกิจการค้าเสมือนหนึ่งให้จำเลยทั้งสามได้กู้ยืมเงินไปแล้ว โจทก์เรียกเก็บเอาจากเงินที่ได้ทดรองจ่ายออกแทนไปก่อนพร้อมดอกเบี้ยเป็นค่าตอบแทน แต่โจทก์ทำข้อกำหนดในสัญญาหลีกเลี่ยงกฎหมายเป็นเรียกค่าปรับร้อยละ 3.5 ต่อเดือน และคิดทบต้นเพิ่มขึ้นทุก ๆ เดือนเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ ถ้าศาลเห็นว่าไม่เป็นโมฆะก็ชอบที่จะลดลงเป็นอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีเพราะโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากไม่ได้ดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดชำระหนี้เท่านั้น จำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์จำนวน 115,271.50บาท จำนวนเงินตามฟ้องโจทก์ได้รวมดอกเบี้ยและค่าปรับโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีสิทธิเรียกจากจำเลยทั้งสาม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 148,675.25 บาท พร้อมค่าปรับอันเป็นค่าทดแทนการออกเงินทุนเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการเรียกเก็บเงินรวมกันในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 148,675.25 บาท นับแต่วันที่ 7 เมษายน 2535 จนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้นโดยให้นำเงินที่จำเลยที่ 1 ชำระให้โจทก์แล้ว 33,403.75 บาทมาหักออกจากจำนวนเงินที่จำเลยทั้งสามต้องชำระแก่โจทก์ด้วย
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อกำหนดข้อ 5 และข้อ 6 ในสัญญาเป็นโมฆะเพราะขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 และมาตรา 654หรือไม่ เห็นว่าการวินิจฉัยปัญหาเช่นว่านี้ ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ประกอบมาตรา 238 ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ส่งมอบสัญญา ให้จำเลยทั้งสามพร้อมกับบัตรสมาชิกแล้ว และการที่จำเลยทั้งสามนำบัตรสมาชิกดังกล่าวไปใช้เป็นการแสดงเจตนาโดยปริยายว่าตกลงตามเงื่อนไขในสัญญาการเป็นสมาชิกแล้ว ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ ในสัญญาจึงใช้บังคับแก่จำเลยทั้งสามได้ข้อกำหนดข้อ 5 ระบุถึงการชำระเงินในกรณีที่ไม่ได้เป็นไปตามปกติโจทก์อาจจะคิดเงินจากจำเลยทั้งสามจำนวน 300 บาท ที่จะทดแทนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของโจทก์หรือจำนวน 500 บาท เมื่อเช็คหรือดราฟท์แต่ละฉบับไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ภายในเวลา 3 เดือน สำหรับข้อกำหนดข้อ 6 ระบุถึงค่าปรับในกรณีที่ผิดนัดชำระหนี้ ทั้งนี้โจทก์จะเรียกค่าปรับจากจำเลยทั้งสามได้ต่อเมื่อโจทก์ไม่ได้รับการชำระเงินค่าสินค้าและค่าบริการครบจำนวนตามที่แสดงไว้ในใบเก็บเงินในวันปิดบัญชีรายเดือนในเดือนถัดไป ซึ่งเป็นจำนวนยอดเงินค้างชำระจากงวดก่อน โดยค่าปรับประกอบด้วยค่าทดแทนการออกเงินทุนเพิ่ม 1 เปอร์เซนต์และค่าปรับเพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายจากการเรียกเก็บเงิน 2.5เปอร์เซ็นต์ เห็นได้ว่า กิจการของโจทก์เป็นการให้บริการแก่สมาชิก ไม่มีลักษณะเป็นการให้กู้ยืมเงิน ค่าปรับตามข้อกำหนดดังกล่าวไม่ใช่ดอกเบี้ย สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาประเภทหนึ่งไม่อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224และมาตรา 654 และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
พิพากษายืน