คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เรือน้ำหนักไม่เกิน 250 ตัน ซึ่งใช้ในการกระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากร 2469 มาตรา27 ต้องริบตาม มาตรา32
ผู้ร้องอ้างว่าเรือเป็นของตนไม่ควรริบตาม พระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 32 เป็นหน้าที่ผู้ร้องจะต้องพิสูจน์ให้ได้ความเป็นหลักฐานมั่นคงดังอ้าง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยฐานนำไม้บรรทุกเรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยไม่เสียภาษีศุลกากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร2469 มาตรา 27 ฉบับที่ 11 2490 มาตรา 3 ริบเรือและสินค้าของกลางและให้ยกคำร้องของนายยาบากับพวกที่ร้องขอให้คืนเรือของกลางซึ่งผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณา อ้างว่าเป็นเรือของผู้ร้องจำเลยเช่าไปใช้ประกอบอาชีพโดยผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจให้นำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโดยข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตลอดจนริบเรือด้วยโดยศาลฎีกาวินิจฉัย ดังนี้

“สำหรับเรือของกลางซึ่งโจทก์ขอให้ริบ แต่มีนายยาบา นายอุหมากและนายแลหมัน ยื่นคำร้องขอคืน อ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของและมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วย นั้น ปรากฏว่า เรือของกลางมีน้ำหนักไม่เกิน250 ตัน ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 32 บัญญัติว่า หากใช้ในการกระทำผิดเช่นนี้ ให้ริบเสียจึงเป็นหน้าที่ของผู้ร้องจะต้องพิสูจน์ให้ได้ความเป็นหลักฐานมั่นคงดังอ้าง

คดีนี้ผู้ร้องไม่มีหลักฐานอย่างใดมาแสดงเลย ทะเบียนเรือก็ไม่มีที่อ้างว่าให้จำเลยเช่าก็ไม่มีหนังสือ คงมีแต่พยานบุคคล เป็นการเลื่อนลอยสำหรับนายยาบาผู้ร้องปรากฏว่าเป็นบิดาของนายอาดและนายกาเส็มจำเลยเอง และนายยาบาว่าได้รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องเอาเรือรายนี้ไปบรรทุกไม้ของกลางโดยตลอดแต่บ่ายเบี่ยงไปว่าจะบรรทุกไม้นั้นไปส่งนายดอเลาะที่เกาะยาว ซึ่งศาลไม่รับฟัง สำหรับนายอุหมากและนายแลหมันผู้ร้องปรากฏว่านายอุหมากผู้ร้องเป็นบิดานายบาโรมจำเลย และนายบาโรมจำเลยอ้างในชั้นสอบสวนว่า เรือของกลางเป็นของนายอุหมากบิดา แต่ชั้นศาลกลับอ้างว่า เรือของกลางเป็นของนายแลหมันผู้ร้อง ส่วนนายหมานจำเลยซึ่งอ้างในชั้นสอบสวนว่า เรือของกลางเป็นของนายแลหมันผู้ร้อง แต่ชั้นศาลกลับอ้างว่า เรือของกลางเป็นของนายอุหมากผู้ร้องเป็นการอ้างไขว้เขวเป็นพิรุธ และผู้ร้องทั้งสองนี้ต่างก็เบิกความอ้างสนับสนุนจำเลยว่า ไม้ที่บรรทุกเรือของกลางจะนำไปส่งนายดอเลาะที่เกาะยาวเช่นเดียวกัน ฉะนั้น ถึงหากจะฟังว่าเรือของกลางเป็นของผู้ร้องทั้งสามจริง ก็น่าเชื่อว่าผู้ร้องได้รู้เห็นในการกระทำผิดนี้ด้วย”

Share