แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยได้ทำผิดจริง ศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์ให้รอการลงโทษไว้ ถือว่าเป็นการแก้มากโจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยที่ 5 ได้สมคบกับจำเลยอีก 4 คนกระทำความผิดอันเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 89 โทษที่ศาลอุทธรณ์วางแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นโทษเบากว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด แม้จำเลยที่ 5 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้โทษจำเลยที่ 5 ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 เพราะเป็นคุณแก่จำเลย
ย่อยาว
คดี 5 สำนวนนี้พิจารณาพิพากษารวมกันโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้อาวุธทำร้ายร่างกายนายซุยกวงกับพวก ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254, 256, 63
จำเลยที่ 1-4-5 ปฏิเสธ
จำเลยที่ 2-3 ว่าได้ทำร้ายผู้เสียหายจริงแต่มิได้ใช้อาวุธและว่าบาดแผลไม่ถึงบาดเจ็บ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทุกคนมีผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 256, 63 จำคุกคนละ 2 ปี จำเลยที่ 2-3 อายุกว่า 17 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามกฎหมายลักษณะอาญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2494 มาตรา 7 คงจำคุกจำเลย 3 คนละ 1 ปี 4 เดือน แต่สำหรับนางมุ้ยจำเลยที่ 5 พิเคราะห์ตามเพศและการกระทำแล้ว ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 5 ปี ตาม กฎหมายลักษณะอาญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2494 มาตรา 3
จำเลยที่ 1, 2, 3, 4, อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยทั้ง 4 ที่อุทธรณ์มาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83 ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปีจำเลยที่ 2, 3 อายุกว่า 17 ปีแต่ไม่เกิน 20 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 58 ทวิ คงจำคุกจำเลยที่ 2 3 คนละ 5 เดือน 10 วัน และให้รอการลงโทษจำเลยทั้ง 4 คนไว้มีกำหนด 5 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 41 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2494 มาตรา 3
อัยการโจทก์และผู้เสียหายทั้งสี่ฎีกาว่า ไม่สมควรรอการลงโทษขอให้พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ไปเลยทีเดียว
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีทั้ง 5 นี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยได้ทำผิดจริง ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้ง 4 แต่ศาลอุทธรณ์ให้รอการลงโทษไว้ เป็นการแก้มากไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ตามฎีกาที่ 1004/2496
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทำผิดจริง และไม่ควรรอการลงโทษให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
นางมุ้ย จำเลยที่ 5 ได้สมคบกับจำเลยอีก 4 คนกระทำความผิดอันเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 89 โทษที่ศาลอุทธรณ์วางแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นโทษเบากว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดนางมุ้ยจำเลยที่ 5 ควรได้รับประโยชน์นี้ด้วย แม้นางมุ้ยจำเลยที่ 5 จะมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ดี ศาลฎีกาแก้โทษนางมุ้ยจำเลยที่ 5 ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 เพราะเป็นคุณแก่จำเลย
ศาลฎีกาพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า ให้ลงโทษที่ศาลอุทธรณ์รอไว้นั้นแก่จำเลยทั้ง 4 คนไปเลยทีเดียว
แก้การลงโทษนางมุ้ยจำเลยที่ 5 ว่าเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 83, 3 ให้วางโทษจำคุก 1 ปี แต่ให้รอการลงโทษไว้ภายใน 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลอุทธรณ์