คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกาศของจำเลยที่ 1 และประกาศของจำเลยที่ 3 กับห้ามจำเลยที่ 1 และที่ 3 พร้อมบริวารรบกวนการชุมนุมของโจทก์ทั้งสองกับพวก โดยกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ออกประกาศตามคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ก็เพื่อที่โจทก์ทั้งสองกับพวกจะสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไปได้โดยไม่ถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ขัดขวางการชุมนุมทางการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะเกิดเหตุ แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ประกาศของจำเลยที่ 1 และประกาศของจำเลยที่ 3 ที่โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนนั้นได้สิ้นผลไปตามกำหนดระยะเวลาที่ประกาศมีผลใช้บังคับ และโจทก์ทั้งสองกับพวกได้ยุติการชุมนุมทางการเมืองแล้ว หากโจทก์ทั้งสองหรือบุคคลใดที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองกับโจทก์ทั้งสองถูกดำเนินคดีอาญา ก็ยังคงยกข้อต่อสู้ในคดีอาญาว่าประกาศของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ และศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาในคดีอาญานั้นก็ต้องวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำของจำเลยในคดีอาญาว่าเป็นความผิดหรือไม่ โดยโจทก์ในคดีอาญามีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่าประกาศตามคำฟ้องชอบด้วยกฎหมายและจำเลยในคดีอาญาเป็นผู้กระทำความผิดด้วย ประกอบกับคดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนประกาศของจำเลยที่ 1 และประกาศของจำเลยที่ 3 กับห้ามมิให้รบกวนการชุมนุมของโจทก์ทั้งสองกับพวกโดยมิได้มีคำขอให้บังคับแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้กระทำการหรือไม่กระทำการอื่นใดอีก การที่ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ต่อไปย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คำขอในส่วนแพ่งของโจทก์ทั้งสองในคดีนี้ ศาลจึงชอบที่จะใช้ดุลพินิจสั่งจำหน่ายคดีนี้ออกจากสารบบความเสียได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยที่ 3 ออกคำสั่งใด ๆ ที่อาศัยอำนาจตามความในประกาศเรื่องพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ประกาศเรื่องการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ที่ออกและประกาศโดยจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 อีกต่อไป และขอให้เพิกถอนประกาศและข้อกำหนดต่าง ๆ ทุกฉบับที่จำเลยทั้งสามได้ออกตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ตั้งแต่วันที่ 8 ถึง 9 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นมา และที่ออกต่อมาในอนาคตด้วย และที่ออกในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 พร้อมประกาศและข้อกำหนดต่างๆ กับห้ามมิให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 พร้อมทั้งบริวารรบกวนการชุมนุมของโจทก์ทั้งสอง
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งรับคำฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ส่วนที่จำเลยที่ 2 เป็นคณะบุคคลไม่ปรากฏว่าเป็นใครบ้าง ไม่มีสภาพบุคคล จึงไม่รับฟ้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นเห็นสมควรรอฟังผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีหมายเลขดำที่ 663/2554 ของศาลชั้นต้นในข้อที่ว่าพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือไม่ เนื่องจากคดีมีลักษณะประเภทเดียวกัน ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในข้อดังกล่าวว่า พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาตรา 15 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาตรา 18 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (5) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 34 ตามสำเนาคำวินิจฉัยที่ 24/2555 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2555 ท้ายคำแถลงขอส่งเอกสารของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ฉบับลงวันที่ 26 สิงหาคม 2556 ศาลชั้นต้นจึงกำหนดนัดชี้สองสถานวันที่ 22 เมษายน 2557 เวลา 9 นาฬิกา ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่า เหตุการณ์ชุมนุมตามฟ้องได้ยุติลงรวมทั้งประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่จำเลยที่ 1 ได้ออกประกาศไว้ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 ประกาศที่จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ออกประกาศฉบับที่ 1/2554 และฉบับที่ 2/2554 ประกาศทั้งสามฉบับดังกล่าวได้สิ้นผลไปแล้วตามระยะเวลาที่ปรากฏในประกาศนั้นๆ ดังนั้นคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสภาพบังคับอีกต่อไป คดีไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาพิพากษา ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์ทั้งสองฎีกาว่า ผลของการที่ศาลล่างทั้งสองมิได้มีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ส่งผลร้ายแก่โจทก์ทั้งสองและผู้ร่วมชุมนุมทางการเมืองอันเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญให้ต้องถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนประกาศตามฟ้องจนเกิดความเดือดร้อน และการพิจารณาพิพากษาคดีตามคำขอของโจทก์ต่อไปจะเป็นประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสองและผู้ร่วมชุมนุมที่ถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาฝ่าฝืนประกาศของจำเลยที่ 1 และที่ 3 นั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกาศของจำเลยที่ 1 และประกาศของจำเลยที่ 3 กับห้ามจำเลยที่ 1 และที่ 3 พร้อมบริวารรบกวนการชุมนุมของโจทก์ทั้งสองกับพวก โดยกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ออกประกาศตามฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ก็เพื่อที่โจทก์ทั้งสองกับพวกจะสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไปได้โดยไม่ถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ขัดขวางการชุมนุมทางการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะเกิดเหตุ แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ประกาศของจำเลยที่ 1 และประกาศของจำเลยที่ 3 ที่โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนนั้นได้สิ้นผลไปตามกำหนดระยะเวลาที่ประกาศมีผลใช้บังคับ และโจทก์ทั้งสองกับพวกได้ยุติการชุมนุมทางการเมืองแล้ว หากโจทก์ทั้งสองหรือบุคคลใดที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองกับโจทก์ทั้งสองถูกดำเนินคดีอาญา ก็ยังคงยกข้อต่อสู้ในคดีอาญาว่าประกาศของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ และศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาในคดีอาญานั้นก็ต้องวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำของจำเลยในคดีอาญาว่าเป็นความผิดหรือไม่ โดยโจทก์ในคดีอาญามีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่าประกาศตามฟ้องชอบด้วยกฎหมายและจำเลยในคดีอาญาเป็นผู้กระทำผิดด้วย ประกอบกับคดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนประกาศของจำเลยที่ 1 และประกาศของจำเลยที่ 3 กับห้ามมิให้รบกวนการชุมนุมของโจทก์ทั้งสองกับพวกโดยมิได้มีคำขอให้บังคับแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้กระทำการหรือไม่กระทำการอื่นใดอีกการที่ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ต่อไปย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คำขอในส่วนแพ่งของโจทก์ทั้งสองในคดีนี้ ศาลจึงชอบที่จะใช้ดุลพินิจสั่งจำหน่ายคดีนี้ออกจากสารบบความเสียได้ ส่วนฎีกาของโจทก์ประการอื่นล้วนไม่เป็นสาระอันควรแก่การวินิจฉัยให้เพราะไม่ทำให้คำวินิจฉัยข้างต้นเปลี่ยนแปลงไปได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share