คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนละเว้นดำเนินคดีแก่ผู้จำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละที่ฆ่าโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการอันเป็นผลเสียหายแก่รัฐ มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกและประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรโดยตรง โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายและไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84, 90, 91 และ 157
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีสำหรับจำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 มีมูล จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 4ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 เห็นว่า ไม่มีมูลจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วโดยไม่จำเป็นต้องสืบพยาน จึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีอาญากับจำเลยทั้งสามในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 2 ต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นสมควรวินิจฉัยฎีกาของโจทก์และฎีกาของจำเลยที่ 2 รวมกันไป ฎีกาของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 3ใจความว่า ผู้แทนโจทก์และโจทก์แจ้งความต่อจำเลยที่ 1 ที่ 3ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองปราจีนบุรีว่าจำเลยที่ 5 ที่ 6 จำหน่ายเนื้อสุกรโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าตามกฎหมายมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2502 จำเลยที่ 1 ที่ 3 จับจำเลยที่ 5 ที่ 6ไปที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองปราจีนบุรี แล้วลงบันทึกประจำวันว่าสุกรดังกล่าวจำเลยที่ 4 ประมูลมาได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย จึงมอบให้จำเลยที่ 5 ที่ 6 นำกลับไปขายอีก เป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง ขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณากับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ต่อไป สำหรับจำเลยที่ 2ที่โจทก์กล่าวอ้างว่าไม่จับกุมจำเลยที่ 7 ซึ่งกระทำความผิดเช่นเดียวกับจำเลยที่ 5 ที่ 6 ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 2 ใจความว่ามิได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งสามแม้จะเป็นความจริงก็เป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยทั้งสามอันเป็นผลเสียหายแก่รัฐ มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์โดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายและไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล แต่ที่ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปสำหรับจำเลยที่ 2 นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่ฎีกาจำเลยที่ 2ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย

Share