คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4748/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับอนุญาตจากโจทก์ร่วมให้เผยแพร่งานเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมได้ถึงวันที่ 20 เมษายน 2547 ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2547 จนถึงวันเกิดเหตุวันที่ 4 มิถุนายน 2547 จำเลยจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานเพลงของโจทก์ร่วม การที่จำเลยนำวิดีโอซีดีที่มีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน จำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 30 (2) และมาตรา 70 วรรคสอง มิใช่เป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บริษัทอาร์. เอส. โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหายเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยตลอดระยะเวลาในการสร้างสรรค์และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรม งานสิ่งบันทึกเสียง งานโสตทัศนวัสดุ เพลง “คำขอร้อง” “เธอง่ายเอง” และเพลง “เรื่องเดียวที่ให้ไม่ได้” ซึ่งโฆษณางานครั้งแรกในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2546 และวันที่ 21 สิงหาคม 2546 ตามลำดับ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2547 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้ทำละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์งานดนตรีกรรม งานสิ่งบันทึกเสียง งานโสตทัศนวัสดุของผู้เสียหาย โดยการนำแผ่นวีดีโอซีดีเพลงคาราโอเกะ ที่บันทึกภาพและเสียง งานดนตรีกรรม งานสิ่งบันทึกเสียง งานโสตทัศนวัสดุ เพลง “คำขอร้อง “เธอง่ายเอง” และเพลง “เรื่องเดียวที่ให้ไม่ได้” ซึ่งได้มีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย รวมจำนวน 1 แผ่น ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนที่มารับประทานอาหารภายในร้าน “ตัวต่อคาราโอเกะ” ของจำเลย โดยใช้อุปกรณ์ตู้เพลงคาราโอเกะ 1 ตู้ ไมโครโฟน 1 อัน สมุดเลือกเพลง 2 เล่ม และโทรทัศน์สีขนาด 38 นิ้ว 1 เครื่อง ทำให้เกิดภาพและเสียงเพลง เสียงดนตรี ภาพและเสียงการแสดงปรากฏทางจอรับสัญญาณภาพและเสียงดังกล่าว เพื่อให้บริการแก่บุคคลทั่วไปและลูกค้าในร้านอาหารของจำเลย อันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรทางการค้า โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าแผ่นวีดีโอซีดีเพลงคาราโอเกะดังกล่าว เป็นงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 28, 31, 61, 70, 75, 76 ป.อ. มาตรา 32, 33 ให้แผ่นวีดีโอซีดีเพลงคาราโอเกะจำนวน 1 แผ่น ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ สั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และริบของกลางส่วนที่เหลือทั้งหมด
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งอนุญาต
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง คืนขอกลางให้แก่เจ้าของ
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เมื่อปรากฏว่าสติกเกอร์ที่ติดอยู่ที่ตู้เพลงจำเลยหมดอายุเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2547 ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2547 จนถึงวันเกิดเหตุวันที่ 4 มิถุนายน 2547 จำเลยจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานเพลงของโจทก์ร่วม การที่จำเลยนำวีดีโอซีดีที่มีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 30 (2) และมาตรา 70 วรรคสอง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า การที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิอยู่แล้ว เมื่อสติกเกอร์ขาดอายุการใช้งาน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมฟังขึ้น”
พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (2) ประกอบมาตรา 70 วรรคสอง ให้จำคุกจำเลย 3 เดือน โทษจำคุกรอกการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ให้วีดีโอซีดีของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และริบของกลางอื่น คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

Share