แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคแรกไม่มีข้อจำกัดสิทธิของผู้รับจำนองว่าจะต้องฟ้องร้องบังคับจำนองก่อนหรือจะต้องเป็นเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาจึงจะขอรับชำระหนี้ได้ทั้งไม่มีบทบัญญัติใดระบุว่าโจทก์และผู้รับจำนองจะต้องเป็นบุคคลฐานะเดียวกันไม่ได้ หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยมีที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้จำนองเป็นประกัน ผู้ร้องย่อมอาศัยอำนาจแห่งการจำนองขอให้ศาลขายที่ดินโดยปลอดจำนองเพื่อนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจาก ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระเงินจำนวน 2,398,612.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,800,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ภายในกำหนด 2 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเพื่อขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้รับจำนองที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นทรัพย์ของจำเลยที่โจทก์นำยึดไว้ ผู้ร้องกับโจทก์เป็นนิติบุคคลเดียวกันและเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาโดยศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม2528 ให้จำเลยชำระหนี้โจทก์ 2,398,612.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,800,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ให้ยอดหนี้ที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ตามคำร้องกับยอดหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมเป็นยอดหนี้เดียวกัน คิดถึงวันยื่นคำร้องเป็นเงิน 4,565,062.08 บาท ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้จำนองมีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดไว้ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองจำนวน 4,565,062.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,800,000 บาท นับถัดจากวันที่ยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยขอรับชำระหนี้ก่อนโจทก์และเจ้าหนี้รายอื่น ขอให้งดการขายทอดตลาดจนกว่าศาลจะมีคำสั่งคำร้องและในการประกาศขายทอดตลาดครั้งต่อไป ขอให้ขายโดยปลอดจำนอง
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า จำเลยไม่เคยนำที่ดินไปจำนองเพื่อประกันเงินกู้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองเนื่องจากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289เป็นกรณีที่ผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกไม่ใช่โจทก์ยื่นขอรับชำระหนี้และผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งให้ขายทอดตลาดที่ดินโดยปลอดจำนองเนื่องจากไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ทำได้ และการบังคับจำนองต้องทำเป็นคำฟ้อง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยปลอดจำนอง โดยให้ชำระเงินจากการขายทอดตลาดดังกล่าวแก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นจำนวน4,565,062.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปี ของต้นเงิน1,800,000 บาท นับแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของ ผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 วรรคแรก บัญญัติว่า “ถ้าบุคคลใดชอบที่จะบังคับการชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้หรือชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินเหล่านั้นโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองที่อาจบังคับคดีได้ก็ดี หรืออาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิก็ดี บุคคลนั้นอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ”ตามบทบัญญัตินี้ไม่มีข้อจำกัดสิทธิของผู้รับจำนองว่าจะต้องฟ้องร้องบังคับจำนองก่อนหรือจะต้องเป็นเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาจึงจะขอรับชำระหนี้ได้ ทั้งไม่มีบทบัญญัติใดระบุว่าโจทก์และผู้รับจำนองจะต้องเป็นบุคคลฐานะเดียวกันไม่ได้ หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยมีที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้จำนองเป็นประกัน ผู้ร้องย่อมอาศัยอำนาจแห่งการจำนองขอให้ศาลขายที่ดินโดยปลอดจำนองเพื่อนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นได้ แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันเงินกู้ต่อผู้ร้องจริง ผู้ร้องจึงชอบที่จะใช้สิทธิขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตามคำสั่งของศาลชั้นต้นได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้น