คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จับได้ว่าจำเลยกับ ส. ภริยาโจทก์ร่วมประเวณีกันโดยจำเลยยอมรับผิดและสาบานต่อพระพุทธรูป แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ยังร่วมประเวณีกันอีก แม้ตามพฤติการณ์ ส. ร่วมประเวณีกับจำเลยทุกครั้งโดยสมัครใจโจทก์สามี ส. ก็เรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้และที่ศาลกำหนดค่าทดแทนเป็นเงิน 40,000 บาทนั้น สมควรแล้ว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนเป็นเงิน 40,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยข้อแรกตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนางสุปราณีภริยาโจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้วพยานโจทก์มีโจทก์และนายอุยเบิกความตรงกันว่าก่อนเกิดเหตุโจทก์เคยสั่งนายอุยซึ่งอยู่ที่บ้านติดกับบ้านโจทก์ว่าถ้าเห็นจำเลยมารับนางสุปราณีไปให้ไปแจ้งให้โจทก์ทราบ ในวันที่ 27 ธันวาคม 2521เวลาประมาณ 9 นาฬิกาเศษ นายอุยเห็นจำเลยขับรถยนต์สองแถวมารับนางสุปราณีไปจึงแจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์กับนายอุยพากันตามไปที่บังกาโลสุขสันต์พบรถยนต์ของจำเลยจอดอยู่ สอบถามนายไพฑูรย์เด็กรับใช้ประจำบังกาโลได้ความว่ามีชายหญิงรูปร่างลักษณะเช่นเดียวกับจำเลยและนางสุปราณีพักอยู่ในห้องเบอร์สอง จึงไปเคาะประตูห้องดังกล่าวปรากฎว่าจำเลยอยู่กับนางสุปราณี จำเลยยอมรับผิดต่อโจทก์และขอร้องไม่ให้ไปแจ้งต่อผู้บังคับบัญชา จำเลยจะไม่ประพฤติเช่นนี้อีก โจทก์ให้จำเลยไปดื่มน้ำสาบานต่อหลวงพ่อพระใส (พระพุทธรูป) ที่วัดโพธิชัย จำเลยก็ยอมไป โจทก์กับนายอุยจึงพาจำเลยและนางสุปราณีไปดื่มน้ำสาบานที่วัดโพธิชัย จากนั้นโจทก์ได้บอกให้จำเลยขอขมาโจทก์ด้วย หลังเกิดเหตุจำเลยยังพานางสุปราณีไปร่วมประเวณีที่โรงแรมพรรณทวีอีก 1 ครั้ง พยานโจทก์นอกจากนี้มีนายไพฑูรย์เบิกความรับรองว่าจำเลยและนางสุปราณีได้เข้าพักในบังกาโลสุขสันต์ ห้องเบอร์สองก่อนโจทก์กับนายอุยไปถึงประมาณ 20 นาที แะมีนางสุปราณีเบิกความว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสุปราณีมาแล้ว 3 ครั้ง วันเกิดเหตุได้ร่วมประเวณีกับจำเลยที่บังกาโลสุขสันต์ 1 ครั้ง ศาลฎีกาเห็นว่าพยานโจทก์ต่างเบิกความสอดคล้องต้องกันและเชื่อมโยงกัน สำหรับนางสุปราณีนั้นตามพฤติการณ์น่าจะเป็นการร่วมประเวณีกับจำเลยทุกครั้งโดยสมัครใจ แต่เบิกความบ่ายเบี่ยงเป็นว่าถูกข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งก็เป็นเพราะความอับอายตามวิสัยหญิงไม่เป็นพิรุธแก่คดีของโจทก์แต่อย่างใด โจทก์เป็นข้าราชการตำแหน่งช่างฝีมือสนามชั้นสี่สังกัดกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่มีเหตุผลอันใดที่โจทก์และนางสุปราณีจะแกล้งกล่าวหาจำเลยด้วยเรื่องราวที่อับอายขายหน้า เช่นนี้ดังเช่นที่จำเลยกล่าวอ้าง ที่จำเลยนำสืบอ้างฐานที่อยู่ในวันเกิดเหตุนั้นก็เป็นการไม่แน่นอนว่าจำเลยจะประจำอยู่ในที่ทำงานตลอดไปดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้แล้ว หลักฐานพยานโจทก์จึงมีน้ำหนักมากกว่าหลักฐานพยานจำเลย ฟังได้ว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนางสุปราณีภริยาโจทก์ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

จำเลยฎีกาต่อไปว่า ค่าทดแทนที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้โจทก์เป็นเงิน 40,000 บาท นั้นสูงเกินไป พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าโจทก์เป็นข้าราชการและมีบุตรกับนางสุปราณีถึง 4 คน การที่จำเลยเป็นชู้กับนางสุปราณีย่อมเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง และเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติคุณ ทั้งกระทบกระเทือนต่อสุขภาพจิตของโจทก์ ค่าทดแทนที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้โจทก์นั้นจึงเหมาะสมแล้ว”

พิพากษายืน

Share