คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4735/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในคดีก่อนจะมีการบรรยายฟ้องด้วยว่าจำเลยจัดพิมพ์เอกสารเดียวกันกับสิ่งพิมพ์ในคดีนี้ แต่ก็เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงอันเป็นที่มาของการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดและขอให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นสมเด็จพระราชินีและรัชทายาทด้วยการโฆษณาด้วยการจำหน่ายจ่ายแจกเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ดังกล่าวเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเท่านั้น มิใช่เป็นการฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดและขอให้ลงโทษในฐานะที่เป็นผู้พิมพ์ การกระทำที่จำเลยถูกฟ้องคดีก่อนจึงต่างกรรมกับที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยพิมพ์เอกสารหรือสิ่งพิมพ์โดยฝ่าฝืนข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ สิทธิในการนำคดีมาฟ้องสำหรับการกระทำนี้จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ส่วนการจ่ายแจกหรือเสนอจ่ายแจกเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ดังกล่าวโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ซึ่งเป็นอีกกรรมหนึ่งของฟ้องคดีนี้ เป็นการกระทำกรรมเดียวกันกับการโฆษณาด้วยการจำหน่ายจ่ายแจกเอกสารอันเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นสมเด็จพระราชินีและรัชทายาทตามฟ้องคดีก่อนซึ่งได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วสิทธิในการนำคดีมาฟ้องสำหรับการกระทำนี้ย่อมระงับไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเดียวกันดังกล่าวข้างต้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยเฉพาะข้อหาพิมพ์เอกสารหรือสิ่งพิมพ์โดยฝ่าฝืนข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์เท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันกล่าวคือจำเลยพิมพ์สิ่งพิมพ์ชื่อ ‘คำปราศรัยพันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพจริงหรือ’ โดยฝ่าฝืนข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์กับจำเลยจ่ายแจกหรือเสนอจ่ายแจกสิ่งพิมพ์ดังกล่าวซึ่งเจ้าพนักงานการพิมพ์ได้มีคำสั่งห้ามการขายหรือจ่ายแจกแก่ประชาชนทั่วไปให้แก่ผู้มีชื่อและประชาชนทั่วไปขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพิมพ์พุทธศักราช 2484 มาตรา 9, 19, 52, 57ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และขอให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 39/2526 ของศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา)
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพิมพ์พุทธศักราช 2484 มาตรา 9, 19, 52, 57 ลงโทษตามมาตรา 52 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 1 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าสำหรับฎีกาของโจทก์ที่ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองกรรมที่โจทก์ฟ้องคดีนี้มิใช่การกระทำเดียวกันกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้องคดีก่อนซึ่งมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องนั้นแล้วตามคดีหมายเลขแดงที่ 14/2527ของศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) สิทธินำคดีนี้มาฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4) นั้นปรากฏว่าคดีก่อนจำเลยถูกฟ้องว่าหมิ่นประมาทและดูหมิ่นสมเด็จพระราชินีและรัชทายาทด้วยการโฆษณาโดยจำเลยจำหน่ายจ่ายแจกเอกสารชื่อ ‘คำปราศรัยพันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพจริงหรือ’ ที่จำเลยจัดพิมพ์จากคำปราศรัยของพันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์ซึ่งปราศรัยหมิ่นประมาทและดูหมิ่นสมเด็จพระบรมราชินีและรัชทายาทต่อประชาชนที่ท้องสนามหลวงให้แก่ผู้มีชื่อและประชาชนทั่วไปที่บริเวณหน้ารัฐสภา ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าตามวันเวลาและสถานที่ซึ่งตรงกับฟ้องคดีก่อนจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยเป็นผู้พิมพ์สิ่งพิมพ์เดียวกันกับเอกสารในคดีก่อนโดยฝ่าฝืนข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์คือไม่แสดงปีที่พิมพ์ชื่อและที่ตั้งของโรงพิมพ์หรือสถานที่พิมพ์ในเมื่อไม่มีที่ตั้งโรงพิมพ์และชื่อผู้โฆษณาหรือที่ตั้งสำนักงานของผู้โฆษณาไว้ที่ปกหน้าหรือหน้าสำหรับบอกชื่อสิ่งพิมพ์นั้นกับจำเลยจ่ายแจกหรือเสนอจ่ายแจกสิ่งพิมพ์ดังกล่าวซึ่งเจ้าพนักงานการพิมพ์ได้มีคำสั่งห้ามการขายหรือจ่ายแจกแก่ประชาชนทั่วไปให้แก่ผู้มีชื่อและประชาชนทั่วไปศาลฎีกาเห็นว่าในคดีก่อนนั้นแม้จะมีการบรรยายฟ้องด้วยว่าจำเลยจัดพิมพ์เอกสารหรือสิ่งพิมพ์ชื่อ ‘คำปราศรัยพันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพจริงหรือ’ แต่ก็เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงอันเป็นที่มาของการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดและขอให้ลงโทษคือการหมิ่นประมาทและดูหมิ่นสมเด็จพระราชินีและรัชทายาทด้วยการโฆษณาด้วยการจำหน่ายจ่ายแจกเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ดังกล่าวเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเท่านั้น มิใช่เป็นการฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดและขอให้ลงโทษในฐานะที่เป็นผู้พิมพ์การกระทำดังกล่าวที่จำเลยถูกฟ้องในคดีก่อนจึงเป็นการกระทำต่างกรรมกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยพิมพ์เอกสารหรือสิ่งพิมพ์ดังกล่าวโดยฝ่าฝืนข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์สิทธิในการนำคดีมาฟ้องสำหรับการกระทำนี้จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4) ส่วนการจ่ายแจกหรือเสนอจ่ายแจกเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ดังกล่าวโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ซึ่งเป็นอีกกรรมหนึ่งของฟ้องคดีนี้เห็นได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวกันกับการโฆษณาด้วยการจำหน่ายจ่ายแจกเอกสารอันเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นสมเด็จพระราชินีและรัชทายาทตามฟ้องคดีก่อนซึ่งได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วสิทธิในการนำคดีมาฟ้องสำหรับการกระทำนี้ย่อมระงับไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเดียวกันดังกล่าวข้างต้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยเฉพาะข้อหาพิมพ์เอกสารหรือสิ่งพิมพ์ดังกล่าวโดยฝ่าฝืนข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์เท่านั้น แต่ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงสำหรับข้อหาที่โจทก์มีอำนาจฟ้องนี้ว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้พิมพ์หรือจัดการพิมพ์สิ่งพิมพ์ชื่อ ‘คำปราศรัยพันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพจริงหรือ’ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้องและไม่อาจลงโทษจำเลยได้ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้องโจทก์
พิพากษายืน.

Share