คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4731/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยความเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่งจากประเทศไทยไปยังประเทศสาธารณรัฐสังคมเวียดนามกับเป็นผู้ว่าจ้างและชำระค่าตรวจสอบความเสียหายให้แก่บริษัทผู้ตรวจสอบความเสียหายโดยตรง ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจึงไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่โจทก์ได้จ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าการที่ที่โจทก์จ่ายแทนผู้เอาประกันภัยไปนั้นเป็นเพราะผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่หรือความจำเป็นต้องจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ดังนั้น โจทก์คงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเฉพาะที่รับช่วงสิทธิในค่าเสียหายของสินค้าที่โจทก์ได้ชำระให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปโดยตรงเท่านั้น ไม่มีสิทธิเรียกร้องในค่าตรวจสอบความเสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันภัยแล้ว ทั้งยังได้ว่าจ้างและเสียค่าจ้างตรวจสอบความเสียหายของสินค้าให้แก่ผู้ตรวจสอบความเสียหายไปเป็นจำนวนเงิน 59,871.85 บาท อีกด้วย จึงรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัย เรียกร้องค่าเสียหายกับจำเลยทั้งสามซึ่งต้องร่วมกันรับผิด ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 1,278,033.43 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 1,201,007.76 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ระหว่างส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ชำระเงินจำนวน 400,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2543 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 25 พฤษภาคม 2544) ต้องไม่เกิน 77,025.67 บาท ตามที่โจทก์ขอ กับให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยที่ 3 ใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดชำระเงินค่าเสียหายเพิ่มขึ้นและต้องชำระค่าเสียหายอันเป็นค่าตรวจสอบความเสียหายหรือไม่ ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยสินค้าสีและทินเนอร์บรรจุกระป๋อง จำนวน 998 กระป๋อง ของบริษัทสีไทยกันไซเพ้นท์ จำกัด ผู้เอาประกันภัยในระหว่างการขนส่งซึ่งจะส่งสินค้าดังกล่าวจากประเทศไทยไปยังประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในวงเงิน 4,240,328 บาท ในการขนส่งดังกล่าวบริษัทสีไทยกันไซเพ้นท์ จำกัด ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ทำการขนส่งสินค้าสีและทินเนอร์กระป๋องดังกล่าว จำเลยที่ 3 เป็นผู้ร่วมขนส่งสินค้ากับจำเลยที่ 1 ในช่วงของการขนส่งทางบก โดยทำหน้าที่รับมอบสินค้าจากผู้เอาประกันภัยบรรจุสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ และขนส่งสินค้าจากจุดรับมอบที่เขตลาดกระบังไปส่งลงเรือที่แหลมฉบัง ระหว่างการขนส่งสินค้าสีและทินเนอร์ดังกล่าวลงเรือที่ท่าเรือแหลมฉบัง ปรากฏว่ามีสินค้าสีและทินเนอร์เสียหายไหลออกจากตู้คอนเทนเนอร์ โจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทสีไทยกันไซเพ้นท์ จำกัด เป็นเงิน 1,141,135.91 บาท และโจทก์เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบความเสียหายของสินค้าไปเป็นเงิน 59,811.85 บาท และทางนำสืบของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าสินค้าสีและทินเนอร์ได้รับความเสียหายมากถึงตามจำนวนและน้ำหนักตามฟ้องจริง การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดค่าเสียหายสำหรับสินค้าสีและทินเนอร์ที่เสียหายตามที่น่าเชื่อว่าเสียหายไปจริงจึงเป็นการชอบแล้ว อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 3 ต้องชำระเงินค่าสินไหมทดแทนในส่วนค่าตรวจสอบความเสียหายของสินค้า จำนวน 59,871.85 บาท แก่โจทก์ โดยอ้างว่าเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นโดยตรงเพราะจะต้องพิสูจน์ให้ได้ความชัดว่าสินค้าได้รับความเสียหายหรือไม่ เพียงใด ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ โจทก์ได้ว่าจ้างบริษัท เจ พี แอล แอดจัสติ้ง เซอร์วิส จำกัด ไปตรวจสอบความเสียหายของสินค้าตามฟ้อง บริษัทดังกล่าวได้ไปตรวจสอบความเสียหายของสินค้าดังกล่าวแล้ว และโจทก์ได้ชำระค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบให้แก่บริษัทดังกล่าวไปแล้วนั้น เห็นว่า โจทก์เป็นผู้ว่าจ้างและชำระค่าตรวจสอบความเสียหายให้แก่บริษัทดังกล่าวโดยตรง ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจึงไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่โจทก์ได้จ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าการที่โจทก์จ่ายแทนผู้เอาประกันภัยไปนั้นเป็นเพราะผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่หรือความจำเป็นต้องจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ดังนั้น โจทก์คงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเฉพาะที่รับช่วงสิทธิในค่าเสียหายของสินค้าที่โจทก์ได้ชำระให้แก่ผู้เอาประกันภัยดังได้วินิจฉัยไว้แล้วเท่านั้น ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่กำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ให้ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share