แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นหัวหน้าวงแชร์ จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 เป็นลูกวงแชร์ของโจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ประมูลแชร์และรับเงินที่ประมูลได้ไปแล้วไม่ผ่อนชำระค่าหุ้นแก่โจทก์ โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีเดียวกัน ศาลชั้นต้นรับฟ้องโดยไม่ได้สั่งให้แยกฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นอีกคดี และได้พิจารณาพิพากษาคดีของโจทก์ตามที่โจทก์เสนอคำฟ้องต่อศาลจนถึงชั้นพิจารณาของศาลฎีกา เกี่ยวกับการเสนอคำฟ้องต่อศาลคดีนี้ เมื่อพิจารณาถึงสภาพแห่งคำฟ้องและชั้นของศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 2 ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม และเมื่อพิจารณาถึงคำฟ้อง ปรากฏว่าคดีนี้อยู่ในเขตอำนาจศาลตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยศาลที่จะรับคำฟ้องและตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดเขตของศาลทั้งคดีเกี่ยวเนื่องกันด้วย จึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลฎีกาจะยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 2 แล้วให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีใหม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันเล่นแชร์และค้างชำระเงินค่าหุ้นแชร์แก่โจทก์ตามฟ้อง แต่เมื่อโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน139,710 บาท และบังคับให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 31,063 บาท จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงห้ามจำเลยที่ 1 ฎีกาในข้อเท็จจริง ส่วนคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 มีทุนทรัพย์จำนวน31,063 บาท ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น ข้อเท็จจริงจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 จะฎีกาโต้เถียงให้รับฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างรับผิดใช้เงินจำนวนไม่เท่ากัน และไม่ได้ให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าขึ้นศาลและค่าทนายความจึงต้องใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ของจำเลยแต่ละคน