แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีมีประเด็นว่า โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครอง หรือไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของ ที่ดิน เป็นการชี้ให้เห็นว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยไม่มีเจตนาเป็นเจ้าของจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ ทั้งจำเลยต่อสู้ไว้ด้วยว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของผู้อื่น คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นพิพาท โจทก์ฟ้องและให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ซื้อที่ดินสองแปลงและโจทก์ครอบครองที่ดินทั้งสองแปลงมาโดยตลอดนับแต่วันซื้อ แต่โจทก์ฎีกาทำนองว่าโจทก์ซื้อที่ดินมาเพียงแปลงเดียว ฎีกาของโจทก์จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น โจทก์เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยการซื้อบ้านจากผู้เช่าที่พิพาทปลูกบ้านโจทก์จึงอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของผู้เช่า เป็นการครอบครองแทนเจ้าของ โจทก์ครอบครองที่พิพาทนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2494 บิดามารดาโจทก์ซื้อบ้านเลขที่321 จจากนายฮุย แซ่ตั้ง ซึ่งเช่าปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 3483ของนางแพ ประวัติวรวิชชุการี พ.ศ. 2500 นางแพได้ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 3483 และ 3482 ซึ่งมีที่ดินโฉนดเลขที่ 3497 ของจำเลยคั่นกลางอยู่ให้แก่โจทก์ และโจทก์ได้ซื้อบ้านเลขที่ 319 ของนายต้อมวงศ์เมือง ซึ่งเช่าปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 3483 ไว้อีกโจทก์ได้รื้อบ้านทั้งสองหลังแล้วปลูกขึ้นใหม่เป็นหลังเดียว และเข้าครอบครองที่ดินโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลา 26 ปี ต่อมาปรากฏว่านางแพโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่3483 แก่นายยโต๊ะ อ่วมชีพ และ พ.ศ. 2525 นายโต๊ะกับจำเลยสมคบกันโอนขายให้จำเลยโดยไม่สุจริต ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และเพิกถอนการโอนที่พิพาท
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า นางแพไม่ได้โอนขายที่พิพาทแก่โจทก์ แต่โอนขายแก่นายโต๊ะตั้งแต่ พ.ศ. 2497 และเมื่อ พ.ศ. 2525จำเลยได้ซื้อที่พิพาทต่อจากนายโต๊ะโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนโจทก์ปลูกบ้านในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายโต๊ะ จำเลยแจ้งให้โจทก์ออกไปจากที่พิพาทแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่พิพาทและชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากางแพและครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตลอดมากว่า 20 ปี จำเลบรับโอนที่พิพาทจากนายโต๊ะโดยรู้อยู่ว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครอง เป็นการโอนโดยไม่สุจริตโจทก์จึงเป็นผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิได้ก่อน จำเลยไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้ขับไล่โจทก์พร้อมชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีมีประเด็นว่า โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองมาเกิน 10 ปี หรือไม่ ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของที่ดินนั้น เป็นการชี้ให้เห็นว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยไม่มีเจตนาเป็นเจ้าของ จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองทั้งจำเลยก็ให้การต่อสู้ไว้ด้วยว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายโต๊ะ การวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาท
ข้อต่อมาโจทก์ฎีกาว่า โจทก์เข้าครอบครองที่พิพาทคือที่ดินตามโฉนดเลขที่ 3483 โดยเข้าใจผิดว่าเป็นที่ดินตามโฉนดเลขที่ 3482ที่โจทก์ซื้อจากนางแพ จึงเป็นการครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของโดยโจทก์ฎีกาทำนองว่า โจทก์ซื้อที่ดินดังกล่าวมาเพียงแปลงเดียวนั้นโจทก์ฟ้องและให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ซื้อที่ดินจากนางแพรวม 2แปลง คือที่พิพาทโฉนดเลขที่ 3483 และ 3482 และโจทก์ได้ครอบครองที่ดินทั้งสองแปลงมาโดยตลอดนับแต่วันซื้อ ดังนั้น ฎีกาของโจทก์จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น
ข้อสุดท้ายศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยการซื้อบ้านของนายฮุยและนายต้อม ซึ่งคนทั้งสองเช่าที่พิพาทปลูกบ้านโจทก์จึงอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิ์ของผู้เช่า จึงเป็นการครอบครองแทนเจ้าของกรรมสิทธิ์ มิใช่เป็นการยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของ แม้โจทก์จะครอบครองที่พิพาทนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นของจำเลย
พิพากษายืน.