คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4721/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพินัยกรรมเป็นพินัยกรรมปลอม แต่จำเลยที่2ใช้พินัยกรรมดังกล่าวแสดงต่อพนักงานที่ดินในการจดทะเบียนโอนที่ดินแทนจำเลยที่1พยานหลักฐานโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่2รู้ว่าเป็นพินัยกรรมปลอมจึงพิพากษายกฟ้องนั้นแม้ศาลพิพากษายกฟ้องแต่ข้อเท็จจริงที่ว่าพินัยกรรมปลอมหรือไม่หากไม่ได้รับการวินิจฉัยโดยศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาแล้วคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่ว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอมย่อมถึงที่สุดหากมีการดำเนินคดีแพ่งระหว่างคู่ความศาลอาจจำต้องถือข้อเท็จจริงว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอมตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งมีผลต่อส่วนได้เสียของจำเลยที่2ซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินนั้นต่อจากจำเลยที่1ดังนั้นการที่จำเลยที่2อุทธรณ์ว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมที่แท้จริงจึงเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 137และ 268
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฎิเสธ
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นางวาสนา มีสติ บุตรของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีต่างผู้ตาย ศาลชั้นต้นอนุญาต
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรมศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.2 เป็นพินัยกรรมปลอม แต่พยานหลักฐานของโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ว่าการที่จำเลยที่ 2 ใช้พินัยกรรมดังกล่าวแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินในการจดทะเบียนโอนที่ดินแทนจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 2 รู้ว่าเป็นพินัยกรรมปลอม จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 อุทธรณ์เฉพาะในข้อเท็จจริงว่า พินัยกรรมปลอมหรือไม่ ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีเจตนากระทำความผิดในการใช้พินัยกรรมดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และ 268เพราะไม่รู้ว่าเป็นพินัยกรรมปลอมนั้น โจทก์และจำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น มีปัญหาวินิจฉัยชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า พินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.2 เป็นพินัยกรรมที่แท้จริงนั้นเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิด แต่ปัญหาข้อเท็จจริงว่าพินัยกรรมดังกล่าวปลอมหรือไม่นี้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยโดยศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาแล้ว คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอมย่อมถึงที่สุด และหากมีการดำเนินคดีแพ่งระหว่างคู่ความในคดีนี้ในประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า พินัยกรรมดังกล่าวปลอมหรือไม่อีก ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลอาจจำต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีนี้ซึ่งมีผลต่อส่วนได้เสียของจำเลยที่ 2คดีนี้ จึงถือว่าปัญหานี้เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า ปัญหาดังกล่าวไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยและพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังขึ้น และศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยใหม่ ปัญหานี้เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.2 เป็นพินัยกรรมปลอมชอบแล้ว
พิพากษายืน ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น

Share