คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่จำเลยที่2ถูกจับนั้นยังไม่มีการส่งมอบเฮโรอีนของกลางที่ตกลงซื้อขายกันการซื้อขายจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์จำเลยที่2คงมีความผิดเพียงพยายามจำหน่ายเฮโรอีนเท่านั้นปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบมาตรา225และเป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกาด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 92, 371 ริบเฮโรอีน กระเป๋าและเงินของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต กับรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้อง ส่วนความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายให้การปฏิเสธ
จำเลย ที่ 2 ให้การ ปฏิเสธ
จำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตายระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3
จำเลย ที่ 4 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 6 วรรคสอง (ที่ถูกมาตรา 66 วรรคสอง)พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 91, 83เรียงกระทงลงโทษ ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน ลงโทษประหารชีวิตฐานพาอาวุธปืนลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือนคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1ในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามและจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในความผิดฐานพาอาวุธปืนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78, 52(1) ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย คงจำคุกตลอดชีวิตฐานพาอาวุธปืนจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกระทงลงโทษแล้ว คงให้จำคุกจำเลยที่ 1ตลอดชีวิตสถานเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) จำเลยที่ 2และที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 66 วรรคสอง ให้ลงโทษประหารชีวิต คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78, 52(1) คงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตจำเลยที่ 4ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78, 52(2)คงจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 50 ปี ริบเฮโรอีน กระเป๋า และเงินของกลางคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติโดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า ตามวันเวลาและสถานที่ที่โจทก์กล่าวในฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสี่โดยแจ้งข้อหาว่าร่วมกันมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนโดยไม่ได้รับอนุญาต และยึดเฮโรอีนของกลางจำนวน 34 ก้อน มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 9,182 กรัม บรรจุอยู่ในกระเป๋าเอกสารและถุงกระดาษที่จำเลยที่ 4 ถืออยู่ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2มีว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ติดต่อหาซื้อเฮโรอีนรายนี้มาตั้งแต่ต้นโดยเข้าไปติดต่อกับผู้ขายและติดต่อขายให้แก่สายลับและจ่าสิบตำรวจมนต์ชัยด้วย ขณะที่นัดหมายเพื่อส่งมอบเฮโรอีนที่สะพานควาย จำเลยที่ 2 ก็ร่วมไปกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 และถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 4 ซึ่งกำลังนำเฮโรอีนของกลางมาเพื่อส่งมอบแก่ผู้ซื้อ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2จึงเป็นการร่วมกับพวกมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องสำหรับความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนนั้น เห็นว่า ขณะที่จำเลยที่ 2ถูกจับนั้นยังไม่มีการส่งมอบเฮโรอีนของกลางที่ตกลงซื้อขายกันการซื้อขายจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ จำเลยที่ 2 คงมีความผิดเพียงพยายามจำหน่ายเฮโรอีนเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และเป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกาด้วย
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 4โดยไม่ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ไว้ด้วย ยังไม่ถูกต้องเพราะจำเลยที่ 2 และที่ 4 มิได้กระทำความผิดโดยลำพัง จึงสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 66 วรรคสองประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 80 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share