คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยที่ว่าขณะจำเลยกระทำความผิดจำเลยมีอายุยังไม่เกินยี่สิบปีแต่ศาลชั้นต้นมิได้ระบุไว้ในคำพิพากษาให้ลดหรือไม่ลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา76แก่จำเลยเป็นการชอบหรือไม่นั้นมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและมิได้เป็นข้อที่จำเลยยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค2จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา225 ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีเหตุสมควรได้รับการลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา76เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค2อันเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค2พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีฎีกาจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม พระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อ จิต และ ประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ , 62, 89,106, 116 ริบของกลาง ยกเว้น ธนบัตร คืน เจ้าของ
จำเลย ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6,13 ทวิ วรรคหนึ่ง , 89, 106, และ 116 เป็น การกระทำ กรรมเดียวผิด ต่อ กฎหมาย หลายบท ให้ ลงโทษ บทหนัก ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90ลงโทษ ฐาน ขาย เมทแอมเฟตามีน ซึ่ง เป็น วัตถุ ออกฤทธิ์ ใน ประเภท 2ให้ จำคุก 5 ปี จำเลย ให้การรับสารภาพ เป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณานับ เป็นเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คง จำคุก 2 ปี 6 เดือน ริบ เมทแอมเฟตามีน และ กระดาษ ฟอยล์ของกลาง ให้ แก่ กระทรวงสาธารณสุข และ คืน ธนบัตร ของกลาง แก่ เจ้าของ
จำเลย อุทธรณ์ ขอให้ ลด มาตรา ส่วน โทษ และ รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า คดี มี ปัญหาข้อกฎหมาย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ว่าขณะ จำเลย กระทำ ความผิด จำเลย มี อายุ ยัง ไม่เกิน ยี่สิบ ปี แต่ ศาลชั้นต้นมิได้ ระบุ ไว้ ใน คำพิพากษา ให้ ลด หรือไม่ ลด มาตรา ส่วน โทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แก่ จำเลย เป็น การ ชอบ ด้วย กฎหมายหรือไม่ นั้น เห็นว่า ปัญหา ดังกล่าว มิได้ เป็น ปัญหา อัน เกี่ยว ด้วยความสงบ เรียบร้อย และ มิได้ เป็น ข้อ ที่ จำเลย ยกขึ้น ว่า กัน มา แล้วโดยชอบ ใน ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 เพราะ ตาม อุทธรณ์ ของ จำเลย นั้น จำเลยเพียงแต่ อุทธรณ์ ขอให้ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 ลด มาตรา ส่วน โทษ แก่ จำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เท่านั้น ฎีกา ของ จำเลย จึง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคแรกประกอบ ด้วย มาตรา 225 ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย ส่วน ข้อ ที่ จำเลย ฎีกา ว่าจำเลย มีเหตุ สมควร ได้รับ การ ลด มาตรา ส่วน โทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 นั้น เป็น การ โต้เถียง ดุลพินิจ ของ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2อันเป็น การ ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง และ คดี นี้ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2พิพากษายืน ตาม ศาลชั้นต้น ให้ ลงโทษ จำคุก จำเลย ไม่เกิน ห้า ปี ฎีกา ข้อ นี้จึง ต้องห้าม ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย เช่นกัน
พิพากษายก ฎีกา จำเลย

Share