แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1461 ระบุไว้ว่า สัญญาใดที่สามีภริยาทำไว้ต่อกันในระหว่างเป็นสามรีภริยานั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
จะบอกล้างเสียก็ได้ กฎหมายระบุคำว่าสัญญาที่ทำกันไว้ลอย ๆ จึงย่อมมีความหมายว่า สัญญาใด ๆ ที่ทำไว้ต่อกันไม่ว่า
จะเป็นสัญญาที่จะต้องปฏิบัติกันต่อไปอีกหรือไม่ ก็ย่อมอยู่ในขอบข่ายที่จะบอกล้างได้ตามความในมาตรา 1461 ได้
ทั้งสิ้น.
และตามมาตรา 1461 นี้ ระบุให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกล้างสัญญาที่ทำไว้ต่อกันได้ในเวลาใด ๆ ในระหว่างที่เป็นสามีภรรยากันอยู่ หรือภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันขาดจากสามีภริยากัน ฉะนั้นแม้จะทำาสัญญา
ยกกรรมสิทธิที่ดินให้แก่กันเกิน 10 ปีแล้ว แต่มาบอกล้างสัญญานั้นเสียภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันหย่าขาดจาก
การเป็นสามีภริยากัน คดีก็ยังไม่ขาดอายุความ./
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันมาประมาณ ๓๐ ปีเศษ ต่อจากนั้นประมาณ ๘ – ๙ ปี โจทก์กับจำเลยได้ทำ
สัญญากันที่หอทะเบียนที่ดิน โดยโจทก์เป็นผู้ให้ที่ดินโฉนดที่ ๒๐๗๖ ซึ่งมีชื่อโจทก์แต่ผู้เดียวในโฉนดอยู่ก่อนแล้วลงชื่อจำ
เลยอีกขื่อหนึ่งในโฉนด บัดนี้จำเลยทำการเป็นปฏิปักแก่โจทก์ และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กับหมิ่นประมาทโจทก์และ
มารดาาโจทก์ โจทก์ประสงค์จะเพิกถอนเลิกล้างสัญญานั้นได้บอกล้างสัญญาไปยังจำเลยแล้วตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๔๖๑ จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนขีดฆ่าหนังสือสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยที่กล่าวนั้น กับขอให้เรียกโฉนด
และสัญญาจากจำเลยส่งไปหอทะเบียนที่ดินขีดฆ่าหนังสือสัญญาและถอนชื่อจำเลยจากโฉนด คืนโฉนดให้โจทก์.
จำเลยต่อสู้คดีหลายประการ และว่าคดีไม่เข้าลักษณะตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๔๖๑
ศาลแพ่งพิจารณาแล้ว พิพากษาเพิกถอนสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดิน ให้ถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดินที่ ๒๐๗๖ เสีย
แล้วส่งมอบโฉนดให้โจทก์.
จำเลยอุทธรณ์ล
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว ตามมาตรา ๑๔๖๑ ระบุไว้ว่า สัญญาใดที่สามีภรรยาทำไว้ต่อกันในระหว่างเป็นสามีภรรยานั้น
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกล้างเสียก็ได้ มาตรานี้มิได้มีข้อความระบุจำกัดว่า เฉพาะแต่สัญญาซึ่งจะต้องมีการปฏิบัติกันตาม
สัญญาต่อไปดังข้อฎีกาของจำเลย เมื่อกฎหมายระบุคำว่าสัญญาที่ทำไว้ต่อกันไว้ลอย ๆ ก็ย่อมมีความหมายว่าสัญญาใด ๆ ที่
ทำไว้ต่อกัน ไม่ว่าจะต้องปฏิบัติกันต่อไปหรือไม่ ก็ย่อมอยู่ในขอบข่ายที่จะบอกล้างได้ ตามมาตรา ๑๔๖๑ ได้ทั้งสิ้น ฎีกาข้อนี้
ฟังไม่ขึ้น.
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า นับแต่โจทก์ให้กรรมสิทธิที่รายนี้แก่จำเลยมาเป็นเวลาเกิน ๑๐ ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความนั้น
ตามมาตรา ๑๔๖๑ ระบุให้ฝ่ายหนึ่งบอกล้างสัญญาที่ทำไว้ต่อกันได้ในเวลาใด ๆ ในระหว่างที่เป็นสามีภรรยากันอยู่ หรือ
ภายในกำหนด ๑ ปี นับแต่วันขาดจากสามีภรรยากัน ฉะนั้นฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
จึงพิพากษายืน.