คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเอาทรัพย์ของตนที่อยู่ในระหว่างยึดหรืออายัดของเจ้าพนักงานกลับคืน อันจะเป็นผิดตาม มาตรา 290 นั้นจะต้องมีเจตนาทุจริต

ย่อยาว

ได้ความว่า โคของจำเลยถูกผู้ร้ายลักไป 1 ตัว จำเลยได้แจ้งให้สารวัตรกำนันช่วยกันออกติดตามไปพบโคที่บ้านนายริผู้ใหญ่บ้านจำเลยเข้าจับโคซึ่งนายริได้ยึดหรืออายัดไว้เพื่อส่งให้เจ้าพนักงานจัดการตามกฎหมายและได้หมิ่นประมาทนายริผู้ใหญ่บ้านกับพวกซึ่งกระทำตามหน้าที่หาว่าลักทรัพย์ของจำเลย โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์และหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานแต่กระทงเดียว ส่วนข้อหาฐานลักทรัพย์นั้นเห็นว่า จำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตอันจะเป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 290, 122 ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา คงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะว่า ความผิดตามมาตรา 290นี้ จำเลยจะต้องรู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์อันต้องยึดหรืออายัดไว้ด้วยหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้มาตรา 290 จะมิได้ใช้คำว่าจำเลยต้องรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ต้องยึดหรืออายัดเสียก่อน แต่เป็นอันเข้าใจได้โดยปริยายตามนัยบทบัญญัติว่า การที่เอาทรัพย์ของตนที่หายกลับคืนมาตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่โดยมิได้ทำให้วิปลาศเสียหายมิใช่เป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริตหรือเจตนาร้าย จำเลยจึงยังไม่มีผิดพิพากษายืน

Share