แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แถลงการณ์กระทรวงการคลัง เรื่องเปิดโอกาสให้เสียภาษีอากรเพิ่มเติม ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2525 มีความประสงค์ที่จะขยายเวลาชำระภาษีอากร โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือมิได้หักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย หรือหักไว้ไม่ครบถ้วน ได้มายื่นชำระภาษีอากรหรือเสียภาษีอากรเพิ่มเติม หรือนำส่งภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มใด ๆ ทั้งสิ้น จากข้อความที่ว่า ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มนั้น แสดงอยู่ในตัวว่าในขณะที่กระทรวงการคลังออกแถลงการณ์ ได้ล่วงเลยกำหนดเวลาชำระภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรมาแล้ว แต่ผู้ต้องเสียภาษีอากรยังมิได้ ยื่นแบบแสดงรายการ หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือ มิได้หักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย โดยระบุว่าการขยายเวลานั้นไม่รวมถึงภาษีอากรที่ต้องเสียหรือนำส่งที่ถึงกำหนดเวลาเสียหรือนำส่งตามปกติในหรือหลังวันที่ที่ลงในแถลงการณ์ แสดงว่าแถลงการณ์กระทรวงการคลังที่ขยายเวลาออกไปถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2525 นั้นไม่รวมถึงการเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี 2524 ที่ต้องยื่นรายการภายในวันที่ 31 มีนาคม 2525 ดังนี้การที่โจทก์ขายที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2524 แต่โจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2525 ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์เพิ่งมายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2525 ซึ่งล่วงเลยเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ โจทก์จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับประโยชน์จากแถลงการณ์กระทรวงการคลังฉบับดังกล่าว และไม่ได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับนางสุมาลย์รวม ๒ แปลงเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๒๔ โจทก์ขายที่ดินทั้งสองแปลงนั้นไปในราคา ๓,๓๐๒,๔๐๐ บาท ต่อมาวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๕ โจทก์ยื่นแบบ ภ.ง.ด.๙๐ เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี ๒๕๒๔ และได้แสดงรายการเงินได้จากการขายที่ดินดังกล่าวไว้เพื่อขอยกเว้นภาษีเงินได้เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร นอกจากนี้ยังมีแถลงการณ์ของกระทรวงการคลังฉบับลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ เปิดโอกาสให้โจทก์ยื่นรายการเพิ่มเติมเพื่อขอยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔๒(๙) แห่งประมวลรัษฎากรอีกด้วย ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้ทำการประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากโจทก์ โดยอ้างว่าโจทก์ต้องเสียภาษีเงินได้จากการขายที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว โจทก์ยื่นอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยว่า ให้ลดภาษีและเงินเพิ่ม คงให้โจทก์เสียภาษีและเงินเพิ่มรวมเป็นเงิน๙๗,๘๔๒.๘๐ บาท จึงขอให้ศาลเพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยให้การว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว การที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี ๒๕๒๔ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๕ โดยแสดงเงินได้และแจ้งรายการขอยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้จากการขายที่ดินทั้งสองแปลง การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของโจทก์ไม่อยู่ในข่ายได้รับสิทธิให้ขยายกำหนดระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการตามแถลงการณ์กระทรวงการคลัง เนื่องจากโจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้เกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
ศาลภาษีอากรกลางเห็นว่า โจทก์ได้รับประโยชน์จากแถลงการณ์กระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ มีสิทธิยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ปี ๒๕๒๔ ภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๒๕ เมื่อโจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้เมื่อ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๕ จึงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า แถลงการณ์กระทรวงการคลังเรื่องเปิดโอกาสให้เสียภาษีอากรเพิ่มเติม ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ มีข้อความดังนี้คือ “ฯลฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาศัยอำนาจตามมาตรา ๓ อัฎฐแห่งประมวลรัษฎากร จึงขยายเวลาชำระและนำส่งภาษีอากรเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มิได้เสียภาษีอากร หรือเสียภาษีอากรไว้ยังไม่ครบถ้วน หรือผู้ที่มิได้หักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย หรือหักไว้ไม่ครบถ้วน ได้ยื่นชำระภาษีอากรหรือเสียภาษีอากรเพิ่มเติมหรือนำส่งภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มใด ๆ ทั้งสิ้นและไม่จำกัดจำนวนปีหรือรอบระยะเวลาบัญชี แต่ไม่รวมถึงภาษีอากรที่ต้องเสียหรือนำส่งที่ถึงกำหนดเวลาเสียหรือนำส่งตามปกติในหรือหลังวันที่ที่ลงในแถลงการณ์ ฯลฯ ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขและเงื่อนเวลาดังต่อไปนี้
ข้อ ๑. ผู้มีหน้าที่เสียหรือนำส่งภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรผู้ใดมายื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือยื่นแบบแสดงรายการไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ก่อนวันที่ที่ลงในแถลงการณ์นี้และยังไม่ถูกเรียกตรวจสอบไต่สวน ถ้าได้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรภายในกำหนดเวลาตามข้อ ๗ แล้ว ผู้นั้นไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มใด ๆสำหรับภาษีอากรที่ชำระนั้น ฯลฯ
ข้อ ๗ ผู้ซึ่งประสงค์จะได้รับประโยชน์ตาม…………………….แถลงการณ์นี้ให้ยื่นแบบแสดงรายการหรือแบบชำระภาษีอากรตามที่อธิบดีกำหนดพร้อมกับชำระเงินค่าภาษีอากรภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕
ข้อ ๘ ผู้มีเงินได้จากการขายทรัพย์สินที่ได้…………………..มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร และมิได้แสดงรายการขอยกเว้นไว้ในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามระเบียบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด เป็นเหตุให้เงินได้นั้นไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔๒(๙) แห่งประมวลรัษฎากร ถ้าได้ยื่นรายการเพิ่มเติมขอยกเว้นให้เป็นไปตามระเบียบดังกล่าว ภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้ถือว่าผู้นั้นได้ปฏิบัติตามระเบียบนั้นแล้ว…………………..
เห็นว่า ตามแถลงการณ์กระทรวงการคลังฉบับ……………..ดังกล่าวแล้วนั้นมีความประสงค์ที่จะขยายเวลาชำระภาษีอากร โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือมิได้หักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายหรือหักไว้ไม่ครบถ้วน ได้มายื่นชำระภาษีอากรหรือเสียภาษีอากรเพิ่มเติม หรือนำส่งภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มใด ๆ ทั้งสิ้นจากข้อความที่ว่า ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มนั้น แสดงอยู่ในตัวว่าในขณะที่กระทรวงการคลังออกแถลงการณ์นั้น ได้ล่วงเลยกำหนดเวลาชำระภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรมาแล้ว แต่ผู้ต้องเสียภาษีอากรยังมิได้ยื่นแบบแสดงรายการ หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือมิได้หักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย ซึ่งผู้ต้องเสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มหรือทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแล้วแต่กรณี การที่จะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็แต่เฉพาะในกรณีที่กำหนดเวลาชำระภาษีได้ล่วงเลยมาแล้ว แต่ผู้ต้องเสียภาษีหรือผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้หรือยื่นแบบแสดงรายการไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือมิได้หักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย แต่ในกรณีของโจทก์นี้ขณะที่กระทรวงการคลังออกแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว คือในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ นั้น ยังไม่ล่วงเลยกำหนดเวลาชำระภาษีเงินได้ประจำปี ๒๕๒๔ ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๕ โดยในขณะนั้นโจทก์ยังไม่ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแต่อย่างใด ทั้งตามแถลงการณ์นั้นก็ยังได้ระบุไว้อีกว่า การขยายเวลานั้นไม่รวมถึงภาษีอากรที่ต้องเสียหรือนำส่งที่ถึงกำหนดเวลาเสียหรือนำส่งตามปกติในหรือหลังวันที่ที่ลงในแถลงการณ์อีกด้วย ในวันที่กระทรวงการคลังออกแถลงการณ์ คือวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ นั้นถึงกำหนดเวลาตามปกติที่จะต้องยื่นรายการภาษีเงินได้ประจำปี ๒๕๒๔ แล้ว แต่ยังไม่ล่วงเลยกำหนดเวลายื่นรายการและชำระภาษี โดยจะยื่นรายการและชำระภาษีได้จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๕ ยิ่งกว่านั้นกรมสรรพากรยังได้ออกคำชี้แจง (เอกสารหมายจ.๕ แผ่นที่ ๓) ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ออกแถลงการณ์กระทรวงการคลัง โดยการชี้แจงของกรมสรรพากร ข้อ ๒(๑) ได้ระบุไว้แจ้งชัดว่าแถลงการณ์กระทรวงการคลังที่ให้ขยายเวลาออกไปนั้น ไม่รวมถึงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี ๒๕๒๔ ที่ต้องยื่นรายการภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๕ ซึ่งทำให้เห็นเจตนารมณ์ของแถลงการณ์กระทรวงการคลังฉบับดังกล่าวนั้นเด่นชัดยิ่งขึ้น ฉะนั้นการเสียภาษีเงินได้ประจำปี ๒๕๒๔ จึงมิได้ขยายเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีออกไป โจทก์จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับประโยชน์จากแถลงการณ์กระทรวงการคลังฉบับลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ ดังที่โจทก์จะต้องยื่นรายการภาษีเงินได้ประจำปี ๒๕๒๔ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๕ ตามที่มาตรา ๕๖ แห่งประมวลกฎหมายรัษฎากรบัญญัติไว้ แต่โจทก์มิได้ยื่นรายการภาษีเงินได้ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว เพิ่งจะมายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๕ ซึ่งล่วงเลยกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เงินได้พึงประเมินจากการขายที่ดินของโจทก์นั้น ถึงแม้จะเป็นการขายทรัพย์สินซึ่งทรัพย์สินนั้นได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรก็ตาม เมื่อโจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ โจทก์ก็ไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา ๔๒(๙) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องนำเงินได้จากการขายที่ดินทั้ง ๒ แปลง นั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ประจำปี ๒๕๒๔ ด้วย โจทก์จึงต้องเสียภาษีเงินได้และเงินเพิ่มตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์