คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้จำเลยที่ 1 ได้นำเอารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ช.ย.03316เข้าเป็นหุ้นของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่ 1 แล้วก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ยังเป็นผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยอยู่นั่นเอง เมื่อวินาศภัยเกิดขึ้นแก่โจทก์ในระหว่างเอาประกันภัย ซึ่งจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบแล้ว จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยค้ำจุน

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้ค่าเสียหายแก่โจกท์ 125,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำเลยที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยที่ 3 ฎีกาในข้อต่อไปว่าจำเลยที่ 1 ได้นำรถยนต์คันหมายเลข ช.ย. 03316 เข้าเป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว และจำเลยที่ 2 มิได้เป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 แต่อย่างใดจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 ได้นำรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ช.ย. 03316 เข้าเป็นหุ้นของหุ้นส่วนจำเลยที่ 2 แล้วก็ตามจำเลยที่ 1 ก็ยังเป็นผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยอยู่นั่นเองเมื่อความวินาศภัยเกิดขึ้นแก่โจทก์ในระหว่างเอาประกันภัย ซึ่งจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบแล้ว จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยก็ต้องรับผิดชดใช้เงินค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยค้ำจุน”

พิพากษายืน

Share