แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปลัดอำเภอกระทำความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.142 ไม่ได้แต่กระทำความผิดตาม ม.138,และ 146 ได้
ย่อยาว
คดีได้ความว่า จำเลยที่ ๑-๓ เป็นหัวหน้าสถานีตำรวจทองผาภูมิและปิล๊อก จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รักษาการแทนปลัดกิ่งอำเภอทองผาภูม โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้งสามสมคบกันใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตและรับสินบนจากพวกลักขุดแร่ ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ และ ๓ ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๓๘ ส่วนจำเลยที่ ๒ นั้นเห็นว่าแม้จะมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด แต่ต่อมาทางราชการกระทรวงมหาดไทยได้โอนหน้าที่ในการปราบปรามและสอบสวนไปไว้แก่ตำรวจก่อนเกิดเหตุคดีนี้ จำเลยที่ ๒ จึงไม่มีความผิดพิพากษาให้ยกฟ้องฉะเพาะจำเลยที่ ๒
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีสำหรับจำเลยที่ ๒ นั้น ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยที่ศาลชั้นต้นยกขึ้นอ้างเป็นแต่ระเบียบภานในไม่ลบล้างกฎหมาย จำเลยจึงยังคงมีอำนาจปราบปรามสอบสวนผู้กระทำผิดตามกฎหมาย พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามมาตรา ๑๓๘,๑๔๒,๑๔๖ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ม.๑๑ และ ๔๓ พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่ ม.๔ ประกอบด้วยกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๖๕ และลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘,๑๔๒,๑๔๖ พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่มาตรา ๔ ประกอบด้วย กฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๖๕
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาศาลฎีกาเห็นชอบด้วยศาลอุทธรณ์ นอกจากความผิดสำหรับจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๑๔๒ ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าทางราชการกรมตำรวจกำหนดหน้าที่การสอบสวนคดีไว้แก่ฝ่ายตำรวจโดยฉะเพาะแล้ว จำเลยที่ ๒ จึงไม่มีผิดตามมาตรา ๑๔๒ จึงพิพากษาแก้ไม่ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามมาตรา ๑๔๒ นอกนั้นยืน