คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4703/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท ผู้คัดค้านประมูลให้ราคาสูงสุดเป็นเงินจำนวน550,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทำการขายทอดตลาดได้นับสองและยุติการขายชั่วคราวเนื่องจากผู้แทนผู้ร้องคัดค้านว่าราคาต่ำไปและได้ทำบันทึกเสนอผู้อำนวยการกอง ผู้อำนวยการกองได้เรียกผู้แทนผู้ร้องและผู้คัดค้านเข้าไปพบในห้องทำงานให้ผู้คัดค้านเพิ่มราคา ผู้คัดค้านเพิ่มราคาอีก 100,000 บาทเป็น 650,000 บาท เกินกว่าที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาไว้ ผู้อำนวยการกองจึงอนุมัติให้ขายทรัพย์แก่ผู้คัดค้าน หลังจากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทำการขายทอดตลาดออกจากห้องมาที่บริเวณขายทอดตลาดแสดงการตกลงด้วยการนับสามและเคาะไม้ขายทรัพย์พิพาทแก่ผู้คัดค้าน โดยมิได้เปิดโอกาสให้ผู้สู้ราคาอื่นประมูลราคาด้วยความยุติธรรมทุกฝ่าย ราคาสูงสุดที่ผู้คัดค้านประมูลได้โดยวิธีปกปิดบุคคลอื่นนั้นเป็นราคาที่ต่ำมาก เป็นการกระทำโดยรวบรัด และไม่มีบทกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติเช่นนั้นได้ การขายทอดตลาดไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรามาตรา 509 ถือไม่ได้ว่าเป็นการขายทอดตลาดโดยชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยที่ ๒ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๔๙๑๑ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๒ เพื่อขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดโดยปลอดจำนองแล้วนายบรรพตเป็นผู้ประมูลซื้อได้ในราคา ๖๕๐,๐๐๐ บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบ เพราะราคาไม่ใกล้เคียงกับราคาที่แท้จริงของทรัพย์ที่ขาย เมื่อเทียบกับมูลจำนองและหนี้ที่จำเลยที่ ๒ จะต้องรับผิดชำระให้ผู้ร้องแล้ว ราคายังต่ำอยู่มาก ผู้ร้องสามารถหาผู้ซื้อมาซื้อได้ในราคาไม่ต่ำกว่า๙๕๐,๐๐๐ บาท จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่
นายบรรพตผู้ซื้อทรัพย์คัดค้านว่าการขายทอดตลาดกระทำโดยสุจริตแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกเลิกการขายทอดตลาด ให้ดำเนินการขายทอดตลาดใหม่
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟัํงได้ว่า เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๓๐ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทครั้งที่ ๓ โดยปลอดจำนอง นายบรรพต อานามนารถ ผู้คัดค้านประมูลให้ราคาสูงสุดเป็นเงินจำนวน ๕๕๐,๐๐๐ บาท นายยิ่งศักดิ์ โกพลรัตน์ เจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทำการขายทอดตลาดได้นับสองและยุติการขายชั่วคราว เนื่องจากผู้แทนผู้ร้องคัดค้านว่าราคาต่ำไปได้ทำบันทึกเสนอนายวิวัฒน์ อภินันท์ ผู้อำนวยการกอง นายวิวัฒน์เรียกผู้แทนผู้ร้องและผู้คัดค้านเข้าไปพบในห้องทำงานให้ผู้คัดค้านเพิ่มราคา ผู้คัดค้านเสนอเพิ่มราคาขึ้นอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นราคา๖๕๐,๐๐๐ บาท เกินกว่าที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประเมินราคาไว้ นายวิวัฒน์จึงอนุมัติให้ขายทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้คัดค้านในราคา ๖๕๐,๐๐๐ บาท หลังจากนั้นนายยิ่งศักดิ์ ผู้ทำการขายทอดตลาดออกจากห้องมาที่บริเวณขายทอดตลาด แสดงการตกลงด้วยการนับสามและเคาะไม้ขายทรัพย์พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทำการขายทอดตลาดมิได้แสดงความตกลงตามลำพังแต่ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้อำนวยการกองทราบเพื่อตัดสินใจขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวหรือไม่การที่ผู้อำนวยการกองเรียกผู้คัดค้านเข้าไปในห้องทำงานที่มิดชิดให้เพิ่มราคาขึ้นไปอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาทนั้นผู้เข้าสู้ราคาคนอื่นไม่มีโอกาสจะสู้ราคาต่อไป และเจ้าพนักงานบังคับคดีออกมาเคาะไม้สามตกลงขายทรัพย์ที่ทอดตลาดให้แก่ผู้คัดค้านโดยผู้ร้องคัดค้านอยู่เช่นนี้ แสดงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการขายทอดตลาด ไม่เปิดโอกาสให้ผู้สู้ราคาอื่นประมูลราคาด้วยความยุติธรรมทุกฝ่ายทั้งยังเห็นได้โดยชัดเจนว่าราคาสูงสุดที่ผู้คัดค้านประมูลได้โดยวิธีปิดบังบุคคลภายนอกนั้นเป็นราคาที่ต่ำมากกระทำโดยรวบรัด และไม่มีบทกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติเช่นนั้นได้ การขายทอดตลาดยังไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตา ๕๐๙ ถือไม่ได้ว่าเป็นการขายทอดตลาดโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องย่อมขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายและขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้
พิพากษายืน.

Share