คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4702/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป. เป็นลูกจ้างของจำเลย ทำหน้าที่ขับรถรับส่งบุตรหลานพนักงานของจำเลย ป. ถึงแก่ความตายขณะปฏิบัติหน้าที่ในที่ทำการของจำเลย
ป. มีโรคประจำตัวคือภาวะความดันโลหิตสูง มีน้ำตาลในปัสสาวะ ไขมันในเลือดสูง และหัวใจห้องล่างซ้ายโต โดยเฉพาะหัวใจห้องล่างซ้ายโตเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงที่ทำให้หัวใจหยุดทำงานเฉียบพลันได้ ใบแจ้งการตายระบุสาเหตุการตายว่าหัวใจหยุดทำงานฉับพลัน ทั้งลักษณะงานของ ป. มีเพียงขับรถรับส่งบุตรหลานพนักงานของจำเลยไปโรงเรียนเท่านั้น ไม่ใช่งานที่ต้องใช้กำลังแรง ไม่อาจทำให้เกิดโรคหรือเจ็บป่วยถึงตายได้ สาเหตุการตายจึงเกิดจากโรคประจำตัวของ ป. ไม่ได้เกิดด้วยโรคซึ่งเกิดตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงาน จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าทดแทนให้โจทก์ที่ 1 ผู้เป็นภรรยาของ ป.

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยและให้บังคับจำเลยจ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์ทั้งสองจำนวน 8,325.10 บาท ต่อเดือน มีกำหนด 8 ปี พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยาน โจทก์ที่ 2 ขอถอนฟ้อง ศาลแรงงานภาค 8 อนุญาตให้จำหน่ายคดีเฉพาะที่เกี่ยวกับโจทก์ที่ 2
ศาลแรงงานภาค 8 พิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลย โดยให้จำเลยจ่ายเงินจำนวน 799,209.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 27 กรกฎาคม 2549) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (ที่ถูกเป็นโจทก์ที่ 1)
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานภาค 8 รับฟังข้อเท็จจริงว่า นายปรีชา สามีโจทก์ที่ 1 ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 ขณะที่ยังเป็นลูกจ้างจำเลย ผู้ตายปฏิบัติหน้าที่ขับรถรับส่งบุตรหลานพนักงานของจำเลยไปโรงเรียน ซึ่งต้องมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ ในวันดังกล่าวผู้ตายไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แล้ววินิจฉัยว่า แม้ผู้ตายเคยตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาลพบว่าผู้ตายมีภาวะความดันโลหิตสูง มีน้ำตาลในปัสสาวะ ภาวะไขมันในเลือดสูง และหัวใจห้องล่างซ้ายโต แต่ภาวะความดันโลหิตสูงของผู้ตายยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ แสดงว่าลำพังอาการของโรคดังกล่าวยังไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย มีเหตุควรเชื่อว่าอาการป่วยเจ็บของผู้ตายเกิดขึ้นขณะปฏิบัติหน้าที่ในที่ทำการของจำเลย ไม่ว่าผู้ตายจะกลับไปบ้านหรือไม่หรือมีผู้นำผู้ตายส่งโรงพยาบาลแล้วถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาก็ตาม ก็ยังต้องถือว่าอาการป่วยเจ็บเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องติดต่อกัน และไม่ว่าผู้ตายมีโรคประจำตัวหรือไม่ก็ยังต้องถือว่าผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้จำเลย จำเลยจึงต้องจ่ายเงินทดแทนให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทของผู้ตาย
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า การเจ็บป่วยของผู้ตายเกิดขึ้นด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงานตามที่คณะกรรมการกำหนดตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2534 ข้อ 3, 35 หรือไม่ เห็นว่า ผู้ตายมีภาวะความดันโลหิตสูง มีน้ำตาลในปัสสาวะ ไขมันในเลือดสูง และหัวใจห้องล่างซ้ายโต ตามบัตรตรวจโรคโรงพยาบาลนาบอนและประวัติการตรวจรักษาของผู้ตาย ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นโรคประจำตัวของผู้ตาย โดยเฉพาะภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายโตนับเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างสูงที่ทำให้หัวใจหยุดทำงานโดยเฉียบพลันได้ ปรากฏตามใบแจ้งการตายระบุสาเหตุการตายว่าหัวใจหยุดทำงานฉับพลัน ทั้งลักษณะงานของผู้ตายมีหน้าที่เพียงปฏิบัติหน้าที่ขับรถรับส่งบุตรหลานพนักงานของจำเลยไปโรงเรียนเท่านั้น มิใช่งานที่ต้องใช้กำลังแรง ไม่อาจทำให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยถึงตายได้ สาเหตุการตายดังกล่าวจึงเกิดจากโรคประจำตัวของผู้ตาย มิได้เกิดด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงานแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าทดแทนให้โจทก์ที่ 1 ที่ศาลแรงงานภาค 8 มีคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1

Share