แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับ บ. ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีให้ บ. แม้ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ไม่อาจลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 215, 225 แต่การที่จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ บ. เป็นเหตุผลที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายก่อนที่จะส่งมอบ จึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายบุญยู้ และตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด จึงยึดเป็นของกลางโดยกล่าวหาว่าร่วมกับจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ต่อมาจึงจับกุมจำเลยได้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีจ่าสิบตำรวจศักดาและดาบตำรวจวีรชน เจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมนายบุญยู้เป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกันสรุปว่า หลังจากได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีการลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในที่เกิดเหตุ พยานทั้งสองจึงไปดูในที่เกิดเหตุเห็นนายบุญยู้ส่งธนบัตรให้แก่จำเลยและเห็นจำเลยส่งห่อพลาสติกให้แก่นายบุญยู้ พยานทั้งสองจึงเข้าจับกุมนายบุญยู้ไว้ได้และตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางอยู่ในกระเป๋ากางเกงของนายบุญยู้ ส่วนจำเลยหลบหนีไปได้จึงออกหมายจับไว้ เห็นว่า พยานทั้งสองเบิกความสอดคล้องต้องกันตั้งแต่ซุ่มดูเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุและเห็นจำเลยส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายบุญยู้จึงแสดงตัวเข้าจับกุม เมื่อค้นกระเป๋ากางเกงนายบุญยู้พบเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ของกลาง นายบุญยู้ก็ให้การรับว่า ซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย แม้คำให้การของนายบุญยู้มีลักษณะเป็นคำซัดทอด ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227/1 บัญญัติให้ศาลต้องใช้ความระมัดระวังในการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานและไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานนั้นโดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลยก็ตาม แต่คำซัดทอดของนายบุญยู้ก็มิใช่คำซัดทอดเพื่อให้ตนเองพ้นผิดเพราะมีรายละเอียดของการกระทำความผิดทั้งของนายบุญยู้และของจำเลย โดยให้การวันรุ่งขึ้นหลังจากถูกจับกุมทันที นับว่าเป็นคำซัดทอดที่มีเหตุผล จ่าสิบตำรวจศักดาและดาบตำรวจวีรชนเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ไม่เคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ข้อระแวงสงสัยว่าพยานโจทก์ทั้งสองจะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องโทษจึงไม่มี เชื่อว่าพยานโจทก์ทั้งสองเบิกความตามความเป็นจริง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้นายบุญยู้ แต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 215, 225 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย แต่อย่างไรก็ดีการที่จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายบุญยู้ เป็นเหตุผลที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายก่อนที่จะส่งมอบ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4