คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4700/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 102อยู่ในหมวด 7 ว่าด้วยสหภาพแรงงาน ข้อความตอนต้น ของมาตราดังกล่าวให้สิทธิลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการสหภาพแรงงาน ลาเพื่อไปดำเนินกิจการสหภาพแรงงาน ฉะนั้นข้อความในตอนต่อมาที่ว่า มีสิทธิไปร่วมประชุมตามที่ทางราชการกำหนดได้จึงต้องหมายถึงการไปร่วมประชุมในเรื่องที่เกี่ยวกับสหภาพแรงงานที่ทางราชการกำหนดขึ้นเท่านั้น ไม่หมายถึง การไปร่วมประชุมทางราชการในเรื่องใด ๆ โดยไม่มีขอบเขตจำกัด

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านเป็นลูกจ้างของผู้ร้องและเป็นกรรมการลูกจ้าง มีตำแหน่งเป็นประธานสหภาพแรงงานสื่อแสงอุตสาหกรรมผู้คัดค้านยื่นใบลากิจหลายครั้งระหว่างวันที่ 6 มีนาคม 2535 ถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2538 อ้างว่า ลากิจไปเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมของสหภาพแรงงานของบริษัทผู้ร้องซึ่งไม่เป็นความจริง โดยอ้างลากิจไปเพื่อทำกิจกรรมสหภาพแรงงานอื่นซึ่งทางราชการมิได้กำหนดให้เข้าร่วมประชุมสัมมนา การกระทำของผู้คัดค้านเป็นการประพฤติผิดข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง และไม่ได้เป็นไปตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 มาตรา 102 ผู้ร้องพิจารณาแล้วจึงไม่อนุญาตให้ลากิจแต่ผู้คัดค้านยังฝ่าฝืนและขาดงานไป การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของผู้ร้องในเรื่องการลา และมีโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้องและตั้งแต่เดือนมกราคม 2538ถึงเดือนตุลาคม 2538 ผู้คัดค้านขอลากิจถึง 66 วัน ลาป่วย 26 วันรวมวันทั้งสิ้น 92 วัน จากวันทำงานทั้งหมาย 232 วันและก่อนเหตุคดีนี้ผู้ร้องได้รับอนุญาตจากศาลให้ตักเตือนผู้คัดค้านเป็นหนังสือแล้ว แต่ผู้คัดค้านยังคงประพฤติเช่นเดิม จึงขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านด้วย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า การลากิจของผู้คัดค้านเป็นการลาไปเพื่อดำเนินกิจกรรมของสหภาพแรงงานและเข้าประชุมตามที่ทางราชการกำหนด เป็นการลาที่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ยกคำร้อง
ศาลแรงงานกลาง มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิลาเพื่อประกอบกิจการเกี่ยวกับสหภาพแรงงานตามบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 102 หรือไม่พิเคราะห์แล้ว บันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ข้อ 7ระบุว่า ในกรณีที่กรรมการสหภาพแรงงานฯ สมาชิกสหภาพแรงงานฯลาไปเพื่ออบรมสัมมนาหรือเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับสหภาพแรงงานฯบริษัทอนุมัติให้ลาได้โดยมีหนังสือทางราชการมาแสดงมาให้บริษัทฯทราบทุกครั้งโดยยึดถือตาม มาตรา 102 ของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 และพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 มาตรา 102 บัญญัติว่า ลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการสหภาพแรงงานมีสิทธิลาเพื่อไปดำเนินกิจการสหภาพแรงงานในฐานะผู้แทนลูกจ้างในการเจรจาการไกล่เกลี่ย และการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานและมีสิทธิลาเพื่อไปประชุมตามที่ทางราชการกำหนดได้ทั้งนี้ให้ลูกจ้างดังกล่าวแจ้งให้นายจ้างทราบล่วงหน้าถึงเหตุที่ลาโดยชัดแจ้ง พร้อมทั้งแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องถ้ามีและให้ถือว่าวันลาของลูกจ้างนั้นเป็นวันทำงานเห็นว่า มาตรา 102อยู่ในหมวด 7 ว่าด้วยสหภาพแรงงานข้อความตอนต้นของมาตราดังกล่าวให้สิทธิลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการสหภาพแรงงานลาเพื่อไปดำเนินกิจการสหภาพแรงงาน ฉะนั้นข้อความในตอนต่อมาที่ว่า มีสิทธิไปร่วมประชุมตามที่ทางราชการกำหนดได้ จึงต้องหมายถึงการไปร่วมประชุมในเรื่องที่เกี่ยวกับสหภาพแรงงานที่ทางราชการกำหนดขึ้นเท่านั้น ย่อมไม่หมายถึงการไปร่วมประชุมทางราชการในเรื่องใด ๆ โดยไม่มีขอบเขตจำกัดมิฉะนั้นลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการสหภาพแรงงานก็จะอ้างสิทธิไปร่วมประชุมในเรื่องที่ทางราชการกำหนดได้ทุกเรื่อง หากกฎหมายประสงค์จะให้ลูกจ้างไปประชุมในเรื่องอื่น ๆ ก็ต้องบัญญัติไว้ในหมวดอื่นหรือมาตราอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องสหภาพแรงงาน ที่ผู้คัดค้านอ้างว่าเมื่อการลาไปดำเนินกิจการสหภาพแรงงานในฐานะผู้แทนลูกจ้างในการเจรจา การไกล่เกลี่ย และการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานมีสิทธิไปร่วมประชุมตามที่ทางราชการกำหนด แม้จะเป็นความจำเป็นก็ต้องดำเนินการเป็นส่วนตัว จะอ้างสิทธิตามมาตรา 102 เพื่อไปประชุมโดยไม่ถือเป็นวันลา ส่วนตามเอกสารหมาย ร.5ประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติมีหนังสือแจ้งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานขอให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมีหนังสือขออนุญาตการลาให้แก่ผู้คัดค้านไปร่วมเตรียมการต่าง ๆ สำหรับการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติโดยไม่ถือเป็นวันลาและได้รับค่าจ้างตามปกติ แต่ผู้คัดค้านขอลาไปตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน 2538 รวม27 วัน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแจ้งว่ามีการประชุมเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ผู้คัดค้านอาจเลือกไปร่วมหรือไม่ก็ได้ การที่ผู้คัดค้านลาไปในลักษณะเช่นนี้ย่อมทำให้กิจการของผู้ร้องชะงักติดขัดได้ ผู้ร้องมีสิทธิไม่อนุมัติ กรณีคดีนี้ผู้คัดค้านไม่ได้รับอนุญาตไปลาแล้วหยุดงานไปจึงถือว่าเป็นการจงใจขัดคำสั่งของผู้ร้องและละทิ้งหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานทั้งปรากฏว่าก่อนหน้านี้ผู้คัดค้านเคยถูกผู้ร้องเตือนเป็นหนังสือในการลางานลักษณะเดียวกันมาก่อนแสดงว่าผู้ร้องไม่อาจปกครองดูแลผู้คัดค้านให้ทำงานตามหน้าที่ได้สมความมุ่งหมาย พฤติการณ์ดังกล่าวของผู้คัดค้านมีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ตามคำร้อง ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้เลิกจ้างผู้คัดค้านชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share