คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4692/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้จัดการสาขาธนาคารจำเลยมิได้ทุจริตหรือประมาทเลินเล่อในการฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของจำเลยแต่เป็นการผ่อนสั้นผ่อนยาวช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาจากภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจโดยจำเลยก็ได้รับผลประโยชน์จากการที่โจทก์อนุมัติให้ลูกค้าเบิกเงินเกินบัญชีและรับซื้อลดตั๋วเงินที่ผิดระเบียบด้วยและสาขาอื่นของจำเลยก็ปฏิบัติทำนองเดียวกันเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยไม่อาจถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำครั้งสุดท้ายมีตำแหน่งเป็นหัวหน้ากิจกรรมพิเศษฝ่ายพนักงานได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเป็นเงินเดือน เดือนละ 33,280 บาท ค่าครองชีพเดือนละ 550 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 15 และวันสิ้นเดือนต่อมาวันที่ 31 สิงหาคม 2535 จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของธนาคาร จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคารอย่างร้ายแรงซึ่งไม่เป็นความจริง การเลิกจ้างดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 202,980 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 16,915 บาท เงินทุนเลี้ยงชีพจำนวน 656,777 บาทเงินบำเหน็จพิเศษจำนวน 50,000 บาท เงินโบนัสจำนวน 33,830 บาทและค่าเสียหายจำนวน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างสำหรับค่าชดเชยและนับแต่วันฟ้องสำหรับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เงินทุนเลี้ยงชีพเงินบำเหน็จพิเศษ เงินโบนัสและค่าเสียหายจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมีคำสั่งปลดโจทก์ออกจากการเป็นพนักงานเนื่องจากโจทก์จงใจปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง กล่าวคือ ในขณะที่โจทก์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการสาขาทรงวาดได้อนุมัติให้ลูกหนี้เบิกเงินเกินวงเงินและเบิกเงินเกินบัญชีโดยไม่มีสัญญาและหลักประกันรวม 12 ราย มียอดหนี้รวมเป็นเงินจำนวน 12,321,335.15 บาทนอกจากนี้โจทก์ยังอนุมัติให้รับซื้อลดตั๋วเงิน แอล.บี.ดี. ที่ไม่ได้เกิดจากการค้าโดยสุจริตจากลูกหนี้ 6 ราย จำนวน 11 ฉบับ เป็นเงิน550,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 202,980 บาทและเงินทุนเลี้ยงชีพจำนวน 656,777 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างสำหรับค่าชดเชยและนับแต่วันฟ้องสำหรับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลย อุทธรณ์ ต่อ ศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์จำเลยว่า การกระทำของโจทก์เป็นกรณีร้ายแรงหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางว่า โจทก์ฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของจำเลย มิได้เกิดจากการทุจริตหรือประมาทเลินเล่อ หากแต่เป็นการผ่อนสั้นผ่อนยาวช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาอันสืบเนื่องจากภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยธนาคารจำเลยก็ได้รับผลประโยชน์จากการเบิกเงินเกินบัญชีและรับซื้อลดตั๋วเงินที่ผิดระเบียบดังกล่าวด้วยและสาขาอื่นของธนาคารจำเลยก็มีการปฏิบัติทำนองข้างต้น ดังนี้ การกระทำของโจทก์ที่ฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นการกระทำโดยเจตนาเพื่อประโยชน์ของธนาคารจำเลย หาได้มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคารจำเลยไม่ จึงไม่อาจถือเป็นความผิดร้ายแรงดังที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยถูกต้องแล้ว”
พิพากษายืน

Share