คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4686/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการขอบใจหรืออนุโมทนาบัตร พ.ศ. 2523 ข้อ 3 ระบุว่าเมื่อมีผู้บริจาคทรัพย์สินแก่วัดให้เจ้าอาวาสหรืออธิบดีเจ้าสังกัดตอบขอบใจหรืออนุโมทนา เห็นได้ว่าการออกอนุโมทนาบัตรจะต้องออกโดยเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ซึ่ง ป.อ. มาตรา 1 (8) ระบุว่า “เอกสารราชการ” หมายความว่า เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ และให้หมายรวมถึงสำเนาเอกสารนั้น ๆ ที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย และตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 45 บัญญัติไว้ให้ไวยาวัจกรและเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานด้วย ดังนั้นอนุโมทนาบัตรจึงเป็นเอกสารราชการ
การกระทำของจำเลยที่กรอกข้อความลงในแบบอนุโมทนาบัตรจำนวน 38 ฉบับ กับปลอมหนังสือราชการของจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดร้อยเอ็ดรวม 3 ฉบับ เป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน จึงถือได้ว่าจำเลยได้กระทำ หลายกรรมและผิดต่อกฎหมายรวม 41 กระทง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปลอมอนุโมทนาบัตรโดยกรอกข้อความลงในแบบอนุโมทนาบัตรที่ยังไม่ได้กรอกข้อความจำนวน 38 ฉบับ มีข้อความว่า บุคคลต่าง ๆ ตามที่ระบุชื่อรวม 31 ราย บริจาคเงินและทรัพย์สินให้แก่วัดต่าง ๆ ปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ปลอมดวงตราของเจ้าพนักงานประทับลงในอนุโมทนาบัตรดังกล่าว ปลอมหนังสือราชการของจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดร้อยเอ็ดรวม 3 ฉบับ ส่งอนุโมทนาบัตรปลอมไปให้เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการออกประกาศเกียรติคุณบัตรเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้อื่นมีชื่อในประกาศนียบัตรเกียรติคุณ ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 251, 252, 264, 265, 268, 32, 33, 91 และริบเอกสารของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและฐานปลอมดวงตราของเจ้าพนักงาน ตาม ป.อ. มาตรา 265, 251 รวม 38 กระทง แต่ละกระทงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 251 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามมาตรา 90 รวม 38 กระทง กับมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมและใช้รอยตราเจ้าพนักงานปลอม ตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคสอง (ที่ถูกเป็นวรรคแรก) ประกอบด้วยมาตรา 265, 252 (ที่ถูกมาตรา 252 ประกอบมาตรา 251) รวม 38 กระทง แต่ละกระทงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งต้องลงโทษตามมาตรา 252 (ที่ถูกมาตรา 252 ประกอบมาตรา 251) อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 แต่การใช้นี้เกิดจากการที่จำเลยเป็นผู้ทำปลอมขึ้นซึ่งรอยตราของเจ้าพนักงานทั้ง 38 กระทง ด้วย ตามมาตรา 263 บัญญัติให้ลงโทษทั้ง 38 กระทงนี้ตามมาตรา 251 จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 76 ปี และมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตาม ป.อ. มาตรา 265 อีก 3 กระทง กับมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามมาตรา 268 (ที่ถูกมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265) อีก 3 กระทง แต่การใช้ดังกล่าวเกิดจากการที่จำเลยเป็นผู้ทำปลอมเอกสารราชการทั้ง 3 กระทง จึงให้ลงโทษเพียงฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามมาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265 (ที่ถูกเป็นมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ตามมาตรา 268 วรรคสอง) รวม 3 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 6 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 82 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 หนึ่งในสาม เป็นจำคุก 54 ปี 8 เดือน แต่คงให้จำคุกจำเลยเพียง 20 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 91 (2) ริบเอกสารของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการขอบใจหรืออนุโมทนาบัตร พ.ศ. 2523 ข้อ 3 ระบุว่า เมื่อผู้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือแรงงาน… ให้แก่สถานศึกษา วัด หรือส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้ตอบขอบใจหรืออนุโมทนาตามแบบท้ายระเบียบ ดังนี้
(1) บริจาคไม่เกิน 10,000 บาท ให้หัวหน้าสถานศึกษา เจ้าอาวาสหรือหัวหน้าส่วนราชการที่ได้รับประโยชน์พิจารณาตอบขอบใจหรืออนุโมทนา แล้วรายงานให้กรมเจ้าสังกัดทราบด้วย
(2) บริจาคเกินกว่า 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับสถานศึกษา วัด หรือส่วนราชการที่ได้รับประโยชน์ที่อยู่ในความควบคุมดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด มอบหมายตอบขอบใจหรืออนุโมทนาแล้วรายงานให้กรมเจ้าสังกัดทราบสำหรับวัด สถานศึกษาหรือส่วนราชการที่ได้รับประโยชน์ที่ขึ้นตรงต่อส่วนกลางให้อธิบดีเจ้าสังกัดตอบขอบใจหรืออนุโมทนา… ฯลฯ
ตามระเบียบดังกล่าวเห็นได้ว่าการออกอนุโมทนาบัตรจะต้องออกโดยเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ซึ่งเอกสารราชการตามความหมายใน ป.อ. มาตรา 1 (8) ระบุว่า “เอกสารราชการ” หมายความว่า เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ และให้หมายรวมถึงสำเนาเอกสารนั้น ๆ ที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย และตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 45 บัญญัติไว้ให้ไวยาวัจกรและเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานด้วย ข้ออ้างของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น
การกรอกข้อความลงในแบบอนุโมทนาบัตรจำนวน 38 ฉบับ กับปลอมหนังสือราชการของจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดร้อยเอ็ดรวม 3 ฉบับ อันเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำหลายกรรมและ ผิดต่อกฎหมายรวม 41 กระทง หาได้ผิดเพียง 5 กระทง ตามที่จำเลยอ้างไม่ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share