แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดิน น.ส.3ก. มีชื่อ ย. เป็นเจ้าของ โจทก์ซื้อที่ดินดังกล่าวจาก ย. โดยไม่ได้จดทะเบียน และได้ครอบครองมาโดยตลอดโจทก์จึงได้สิทธิครอบครอง เมื่อจำเลยมีคำสั่งเพิกถอน น.ส.3ก.ดังกล่าว จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้อง.
ย่อยาว
คดีทั้งสามสำนวน ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันโดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกว่า โจทก์ที่ 1 โจทก์ในสำนวนที่สองว่าโจทก์ที่ 2 โจทก์ในสำนวนที่สามว่า โจทก์ที่ 3
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่ 790/2525 เรื่อง การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ลงวันที่ 12 มีนาคม 2525 ที่สั่งให้เพิกถอน น.ส.3 ก. เลขที่ 5051 ตำบลเมืองยาง อำเภอชุมพวงจังหวัดนครราชสีมา มีชื่อโจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของ น.ส.3 ก.เลขที่ 5050 ตำบลเมืองยาง อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา มีชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของ น.ส.3 ก. เลขที่ 5049 ตำบลเมืองยางอำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา ของโจทก์ที่ 3 ซึ่งมีชื่อนายยุ่งธรรมเริง เป็นเจ้าของ
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การเป็นใจความว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของทำเลเลี้ยงสัตว์สาธารณประโยชน์บ้านเมืองยาง “หนองบัวแดง”อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน การออกน.ส.3 ก. ของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และนายยุ่ง ธรรมเริง ทับที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงหามีสิทธิครอบครองไม่จำเลยมีอำนาจเพิกถอนเสียได้ โจทก์ที่ 3 ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะน.ส.3 ก. มีชื่อนายยุ่ง ธรรมเริง เป็นเจ้าของ การซื้อขายมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะโจทก์ที่ 3 ไม่ถูกโต้แย้งสิทธิ นอกจากนี้โจทก์ที่ 3 เคยถูกฟ้องคดีอาญาฐานร่วมกันบุกรุกที่ดินพิพาทแปลงนี้ ซึ่งศาลได้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทแปลงนี้อยู่ในเขตทำเลเลี้ยงสัตว์หนองบัวแดง ซึ่งทางราชการได้ออก น.ส.3 ก. ให้แก่นายยุ่ง แต่ฟังว่าจำเลย (โจทก์ที่ 3 ในคดีนี้) ขาดเจตนาจึงพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ขอให้พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสาม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่พิพาทตามฟ้องเป็นของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่ 790/2525 เรื่อง การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ลงวันที่ 12 มีนาคม 2525 ที่สั่งให้เพิกถอน น.ส.3 ก. เลขที่ 5051 มีชื่อโจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของน.ส.3 ก. เลขที่ 5050 มีชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของ น.ส.3 ก.เลขที่ 5049 ของโจทก์ที่ 3 ซึ่งมีชื่อนายยุ่ง ธรรมเริง เป็นเจ้าของ
จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่พิพาทไม่อยู่ในเขตทำเลเลี้ยงสัตว์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การออก น.ส.3 ก.จึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีอำนาจเพิกถอนได้ ส่วนเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ที่ 3 นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ที่ 3 ได้ซื้อที่พิพาทมาจากนายยุ่ง และได้ครอบครองมาโดยตลอดเช่นนี้ โจทก์ที่ 3จึงได้สิทธิครอบครอง ดังนั้น เมื่อจำเลยมีคำสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก.จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่ 3 ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ที่ 3ซื้อที่พิพาทจากนายยุ่งภายหลังที่พิพาทถูกเพิกถอน น.ส.3 ก. แล้วนั้นเป็นฎีกาที่ขัดกับข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันซึ่งฟังยุติแล้วว่าโจทก์ที่ 3 ซื้อที่พิพาทก่อนถูกเพิกถอน น.ส.3 ก. โจทก์ที่ 3มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน.