คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีความผิดตามพ.ร.บ.ฝิ่น พ.ศ. 2472 มาตรา 53 ซึ่งแก้ไขโดยม พ.ร.บ.ฝิ่น (ฉะบับที่ 6) พ.ศ. 2494 อันมีกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงยี่สิบปี และปรับสินเท่าราคาฝิ่น แต่ต้องไม่น้อยกวา 500 บาท นั้นเมื่อศาลเห็นว่าจำเลยไม่ควรรับโทษจำคุกเกินกว่า 2 ปี แล้ว ศาลจะพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำคุกไว้ภายใน 5 ปี ก็ได้

ย่อยาว

คดีนี้ จำเลยมีผ้าเช็ดฝิ่นติดมา ๒ ผืน และมีฝิ่นไว้ในครอบครองหนัก ๑ กรัม เป็นราคา ๔ บาท ซึ่งเป็นราคาที่รัฐบาลขายในขณะนั้น โดยจำเลยมิได้รับอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความรับผิดตาม พ.ร.บ.ฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๕๓, ๖๙ และ พ.ร.บ. ฝิ่น (ฉะบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๖ ให้รอการกำหนดโทษไว้ภายใน ๕ ปี ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๔๑ ที่ แก้ไข แต่ให้ปรับจำเลยเป็นเงิน ๕๐๐ บาท ลดฐานแราณีตามมาตรา ๕๕ กึ่งหนึ่ง คงปรับ ๒๕๐ บาท ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ว่า ความผิดตามที่ศาลลงโทษมีกำหนดจำคุกอย่างสูงถึง ๒ ๐ปี ศาลจะรอการกำหนดโทษ โดยมิได้แสดงให้ประจักษ์ชัดว่า ศาลตั้งใจจงลงโทษจำคุกจำเลยไว้เท่าใด ไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์มีกาทำนองเดียวกับฟ้องอุทธรณ
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๔๑ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้อำนาจศาลรอการกำหนดโทษไว้ก็ได้ และให้อำนาจแก่ศาลที่จะเรียกหรือจับจำเลยกำหนดโทษ และลงโทษที่ยังมิได้กำหนดไว้นั้นด้วย ซึ่งหมายความว่า ก.ม. ให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลยพินิจกำหนดโทษจำคุกได้ภายหลัง ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ ก็พอเข้าใจได้ว่าศาลเห็นว่าจำเลยไม่ควรรับโทษจำคุกเกินกว่า ๒ ปี ฉะนั้นคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้รอการลงอาญาโทษจำคุกไว้ จึงไม่ขัดต่อกฎหมาย
คงพิพากษายืน

Share