คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4679/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้โจทก์บรรยายฟ้องขอให้บังคับจำเลยออกไปจากพื้นไม้กระดานของโจทก์ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาฟ้องโจทก์โดยตลอดแล้ว เป็นเรื่องโจทก์ประสงค์จะฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่ชายตลิ่งใต้พื้นไม้กระดานนั้นเอง ฉะนั้น เมื่อที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304(2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาก่อนแล้วยอมให้จำเลยใช้ประโยชน์ในที่พิพาทก็จะถือว่าเป็นการมอบให้จำเลยครอบครองแทนหาได้ไม่ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ จำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง หากโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยใช้ประโยชน์พื้นไม้กระดานนั้นอีกต่อไป ก็ชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยส่งมอบพื้นไม้กระดานคืนแก่โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินชายตลิ่งคลองดำเนินสะดวก เนื้อที่ 20 ตารางเมตร บนที่ดินชายตลิ่งนั้นมีพื้นไม้กระดานปูอยู่เต็มพื้นที่ และโจทก์เป็นเจ้าของพื้นไม้กระดานดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแพ้วอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ของโจทก์ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม2524 โจทก์ได้ให้จำเลยที่ 1 เช่าบ้านโจทก์หลังดังกล่าวพร้อมกับยินยอมให้จำเลยทั้งสองเข้าครอบครองพื้นไม้กระดานในที่ดินชายตลิ่งดังกล่าวเพื่อวางของขาย จำเลยทั้งสองได้กั้นฝาผนังขึ้น ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเช่า โจทก์จึงได้ฟ้องขับไล่ให้จำเลยออกไปจากบ้านโจทก์ และศาลได้พิพากษาขับไล่ให้จำเลยออกไปจากบ้านโจทก์ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 398/2526 ของศาลชั้นต้น โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากพื้นไม้กระดานของโจทก์ดังกล่าวแต่จำเลยทั้งสองไม่ยอมออก ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากพื้นไม้กระดานที่ดินชายตลิ่งของโจทก์และห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะอยู่ในคลองดำเนินสะดวก โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ไม้กระดานตามฟ้องพื้นไม้กระดาน เสา ตลอดทั้งตัวอาคารทั้งหมดเป็นของจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองได้ปลูกสร้างมานานหลายปีแล้ว และได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา จำเลยทั้งสองจึงได้สิทธิครอบครองบริเวณที่พิพาทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ทราบว่าจำเลยทั้งสองเข้าครอบครองที่พิพาทมาเกินกว่า 1 ปีแล้ว หากโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาทมาก่อน โจทก์ก็มิได้ใช้สิทธิฟ้องเอาคืนการครอบครองภายใน 1 ปี การที่จำเลยทั้งสองเช่าบ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 1 ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 398/2526ของศาลชั้นต้น เป็นคนละส่วนกับที่พิพาทหากฟังว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของคดีดังกล่าว การฟ้องคดีนี้ก็เป็นการฟ้องซ้ำ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากพื้นกระดานบนที่ดินชายตลิ่งคลองดำเนินสะดวกตามแผนที่ท้ายฟ้องห้ามเกี่ยวข้องต่อไป
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันฟังเป็นยุติว่า ที่ดินโฉนดที่ 21185 ตำบลบ้านแพ้วอำเภอบ้านแพ้ว (ตลาดใหญ่) จังหวัดสมุทรสาคร ตามโฉนดเอกสารหมาย จ.2เป็นของโจทก์ บนที่ดินโฉนดดังกล่าวมีบ้านเลขที่ 70 หมู่ 1 ของโจทก์ปลูกไว้ หน้าบ้านโจทก์เป็นทางเดินกว้างประมาณ 1 เมตร เลียบไปตามริมคลองดำเนินสะดวก ต่อจากทางเดินไปถึงริมคลองดำเนินสะดวกเป็นที่พิพาทคดีนี้ซึ่งเป็นที่ชายตลิ่ง มีเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาบนที่พิพาทยกเป็นพื้นไม้กระดาน สูงกว่าพื้นดินประมาณ 1.5 เมตรปราฏตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.3 จำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ คดีมีปัญหาสมควรวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสองว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่เป็นประเด็นแรกก่อน เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่า โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากพื้นไม้กระดานของโจทก์ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินที่โจทก์ให้จำเลยครอบครองแทน คือที่ชายตลิ่งแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยไม่ยอมออกไป อันเป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์ซึ่งโจทก์ได้ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนจำเลยทั้งสอง ถ้านำที่พิพาทไปให้บุคคลอื่นเช่าจะได้ค่าเช่าอย่างน้อยเดือนละ 1,000 บาท แสดงว่า โจทก์ประสงค์จะฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองให้ออกไปจากที่ชายตลิ่งใต้พื้นไม้กระดานนั่นเอง และที่โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากพื้นไม้กระดานดังกล่าว กับให้ใช้ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะออกจากที่พิพาท ก็เท่ากับขอบังคับให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากที่ชายตลิ่งใต้พื้นไม้กระดานเช่นกัน หากโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยทั้งสองใช้ประโยชน์พื้นไม้กระดานนั้นอีกต่อไป ก็ควรใช้สิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองส่งมอบพื้นไม้กระดานคืนแก่โจทก์มากกว่าแม้จะฟังว่าพื้นไม้กระดานบนที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็ตาม แต่ที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่พิพาทมาก่อนแล้วยอมให้จำเลยใช้ที่พิพาทเพื่อวางสินค้าขายขนสินค้าลงไปบรรทุกเรือและขึ้นจากเรือ ก็จะถือว่าเป็นการมอบให้จำเลยครอบครองแทนหาได้ไม่ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่จำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ ประเด็นอื่นไม่จำต้องวินิจฉัย…”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share