คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4672/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ยินยอมให้จำเลยเลือกส่วนของที่ดินที่แบ่งแยกแล้วได้ก่อน กรณีจึงถือไม่ได้ว่าการแบ่งแยกที่ดินพิพาทไม่อาจกระทำได้ตามคำพิพากษา ซึ่งกำหนดให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทตามฟ้องออกเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน ให้โจทก์จำเลยได้รับคนละส่วน โดยให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องว่า การปฏิบัติตามคำพิพากษาจะมีปัญหาเรื่องการเลือกส่วนที่ดินของแต่ละฝ่ายเพราะไม่อาจตกลงกันได้ ขอให้มีคำสั่งให้นำที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาแบ่งกันในวันนัดพร้อมโจทก์แถลงว่ายินยอมให้จำเลยเลือกส่วนของที่ดินพิพาทได้ก่อน จำเลยแถลงว่าเกรงว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างการเลือกส่วนที่ดิน ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำที่ดินออกขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินที่ได้มาแบ่งกันระหว่างโจทก์กับจำเลยคนละครึ่ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามที่จำเลยฎีกามีว่า ตามสภาพของที่ดินพิพาทควรแบ่งกันได้หรือไม่ เห็นว่า ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวได้กำหนดให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยเลือกส่วนของที่ดินที่แบ่งแยกแล้วได้ก่อนคำแถลงดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์ต่อไปที่จะต้องให้สิทธิแก่จำเลยเป็นฝ่ายเลือกแปลงที่ดินที่เจ้าพนักงานที่ดินแบ่งแยกแล้วได้ก่อนส่วนที่เหลือจึงตกเป็นของโจทก์ ดังนั้นเหตุที่จะเกิดจากโจทก์จำเลยต่างเลือกที่ดินกันไม่ได้จึงไม่น่าเกิดขึ้น ทั้งตามคำร้องของจำเลยก็ไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทออกเป็นสองส่วนเท่า ๆ กันได้ กรณีจึงถือไม่ได้ว่าการแบ่งแยกที่ดินพิพาทไม่อาจกระทำได้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
พิพากษายืน

Share