คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4672/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผู้ประกันขอลดค่าปรับและศาลชั้นต้นมีคำสั่งลดให้แล้วผู้ประกันอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์ของผู้ประกัน คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 119 ผู้ประกันไม่อาจจะฎีกาต่อมาอีกได้ ศาลชั้นต้นรับฎีกาของผู้ประกันที่ 1 จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 6 ถูกฟ้องขอให้ลงโทษในความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาผู้ประกันทั้งสองร่วมกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยที่ 6 ชั่วคราวโดยมีประกัน ศาลฎีกาอนุญาตโดยตีราคาประกัน 1,000,000 บาท ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ผู้ประกันที่ 2 ขอเลื่อนการส่งตัวจำเลยที่ 6ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและมีคำสั่งปรับเต็มตามสัญญา ผู้ประกันทั้งสองอุทธรณ์และผู้ประกันที่ 2 ฎีกาต่อมา ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน
ครั้นวันที่ 11 กรกฎาคม 2533 ผู้ประกันที่ 2 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นอ้างว่านำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยที่ 6 มาได้จึงขอลดค่าปรับ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ลดค่าปรับโดยปรับเป็นเงิน100,000 บาท
ผู้ประกันที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ประกันที่ 1
ผู้ประกันที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119ที่ใช้บังคับขณะที่ผู้ประกันที่ 1 ยื่นฎีกาบัญญัติว่า “ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลมีอำนาจสั่งบังคับตามสัญญาประกันหรือตามที่ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง เมื่อศาลสั่งประการใดแล้วฝ่ายผู้ถูกบังคับตามสัญญาประกันหรือพนักงานอัยการมีอำนาจอุทธรณ์ได้คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด” ดังนั้น กรณีของผู้ประกันที่ 1 จึงเป็นอันถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่อาจที่จะฎีกาต่อมาอีกได้ ศาลชั้นต้นรับฎีกาของผู้ประกันที่ 1 มา จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของผู้ประกันที่ 1.

Share