คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกลักไม้เต็ง57แผ่นไม้แคมปัส 21 แผ่นแต่ในทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ไม้ที่จำเลยทั้งหกลักไปเป็นไม้ยาง47 แผ่น ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง จึงต้องยกฟ้อง กรณีดังกล่าว แม้จำเลยบางคนไม่ได้อุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องถึงจำเลยเหล่านั้นได้เพราะเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกได้ร่วมกันลักเอาไม้เต็ง 57 แผ่นไม้ยาว 3 เมตร 17 แผ่น และไม้ยาว 3.50 เมตร 4 แผ่น ของผู้เสียหายโดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3ถึงจำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7), (11)ประกอบ มาตรา 336 ทวิ จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) ประกอบมาตรา 336 ทวิพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525มาตรา 11 จำคุกคนละ 6 ปี จำเลยทั้งหกให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 4 ปี
จำเลยที่ 6 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 6นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 6กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกร่วมกันลักเอาไม้เต็ง 57 แผ่น ไม้ยาว 3 เมตร 17 แผ่น และไม้ยาว 3.50 เมตร 4 แผ่นของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดได้ไม้ของกลาง ซึ่งไม้ของกลางที่ยึดมาได้เป็นไม้เต็ง 57 แผ่น ไม้แคมปัสหนา 2 นิ้ว กว้าง 6 นิ้ว ยาว 3 เมตรจำนวน 17 แผ่น และไม้ชนิดและขนาดเดียวกันแต่ยาว 3.50 เมตรจำนวน 4 แผ่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม้ยาว 3 เมตร 17 แผ่นและไม้ยาว 3.50 เมตร 4 แผ่นตามฟ้อง ที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นไม้ชนิดใดนั้นก็คือไม้แคมปัสนั่นเอง ส่วนในทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ไม้ที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 6 กับพวก ลักเอาไปเป็นไม้ยาง 47 แผ่นซึ่งแตกต่างจากที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 6 กับพวกลักเอาไม้เต็ง 57แผ่น ไม้แคมปัส 21 แผ่น ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องกรณีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 6 กับพวกร่วมกันลักเอาไม้ของผู้เสียหายไปตามที่โจทก์ฟ้องจึงลงโทษจำเลยที่ 6ไม่ได้ เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 6 ไม่เป็นความผิด แม้จำเลยที่ 1ถึงที่ 5 ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ไม่ได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องได้ด้วยเพราะเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5ด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share