คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 2มาก่อนที่จะสมรสกับโจทก์ เมื่อจำเลยสมรสกับโจทก์แล้วจำเลยที่ 1 ยังมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 2และยกย่องเป็นภรรยาอย่างออกหน้า ดังนี้ โจทก์ฟ้องหย่าได้ และเหตุหย่าในกรณีนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับค่าทดแทนตามป.พ.พ. ม.1523 วรรคแรก

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 หย่าขาดกับโจทก์ที่ 1 หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 และให้จำเลยที่ 1แบ่งสินสมรส 450,000 บาท คืนหรือใช้ราคาสินส่วนตัว 154,500 บาทกับใช้ค่าทดแทนความเสียหาย 200,000 บาท แก่โจทก์ที่ 1 และใช้สินสอด40,000 บาท คืนแก่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ทั้งให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้ค่าเสียหาย 2,000บาท แก่โจทก์ทั้งสามพร้อมดอกเบี้ยในต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอโจทก์ทั้งสามเฉพาะในเรื่องขอแบ่งสินสมรส โจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1มีเหตุหย่าจำเลยที่ 1 ตามกฎหมายหรือไม่ โจทก์มีบันทึกการโต้ตอบทางโทรศัพท์ระหว่างโจทก์ที่ 1 จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 โจทก์ที่ 3 นางเดือนเพ็ญ วงษ์ไชยสกุล นางวงจันทร์ อัศวเวคินกุล พันจ่าเอกสมจิตต์ พึงไตรรัตน์ นางสุภาวรรณ สรรสุนทรเทพ นายไพศาล ศรีนพรัตน์วัฒนา ตามเอกสารหมาย จ.21ถึง จ.31 และ จ.38 ภาพถ่ายทะเบียนรถยนต์เอกสารหมาย จ.41 สัญญาแก้ไขเพิ่มเติมชื่อผู้เป็นหุ้นส่วน ภาพถ่ายคำขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดตามเอกสารหมาย จ.6 ข.7 จ.10 แสดงว่าจำเลยที่ 1 ดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์ทั้งสามและยกย่องจำเลยที่ 2 เป็นภรรยาอย่างออกหน้า อนึ่งสัญญาทัณฑ์บนตามเอกสารหมาย จ.14 ที่จำเลยที่ 1 ทำไว้ให้แก่โจทก์ที่ 1 ถึงแม้จำเลยที่ 1 มิได้ลงชื่อก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ก็เบิกความรับว่าเป็นผู้เขียนเอกสารนั้นเอง และจดหมายตามเอกสารหมาย จ.17 จ.18 จ.19 ซึ่งเป็นพยานหลักฐานว่า จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวก่อนที่จำเลยที่ 1 แต่งงานกับโจทก์ที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาทัณฑ์บนให้โจทก์ที่ 1 ไว้ว่า จะไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 อีกตามเอกสารหมาย จ.14นอกจากนั้นโจทก์ทั้งสามยังเบิกความประกอบสนับสนุนเอกสารดังกล่าวโดยเฉพาะโจทก์ที่ 1 ยืนยันว่าเคยพบจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 อยู่ด้วยกันในห้องนอนในสภาพที่ร่วมประเวณีกันเสร็จใหม่ ๆ รูปเรื่องน่าเชื่อดังโจทก์นำสืบ ข้อที่จำเลยอ้างว่าโจทก์แต่งเรื่องขึ้นเพื่อหาเหตุฟ้องหย่านั้นเห็นว่าเลื่อนลอยไม่มีเหตุผล พยานโจทก์มั่นคง คดีฟังได้ว่าโจทก์ที่ 1มีเหตุหย่าจำเลยที่ 1 ตามกฎหมาย” ฯลฯ

“สำหรับปัญหาเรื่องค่าเสียหาย โจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองด่าหมิ่นประมาทโจทก์ทางโทรศัพท์ โจทก์มีโจทก์ทั้งสามและบันทึกการโต้ตอบทางโทรศัพท์เป็นพยานหลักฐาน พยานจำเลยไม่สามารถหักล้างได้ ศาลล่างกำหนดค่าเสียหายส่วนนี้แก่โจทก์ 2,000 บาทเป็นการสมควรแล้ว ส่วนค่าเสียหายในการที่โจทก์ที่ 1 อ้างว่าได้รับความชอกซ้ำถูกดูหมิ่นเหยียดหยามนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ยกย่องเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหญิงอื่น ฉันสามีภริยา โจทก์ที่ 1 ย่อมมีสิทธิได้รับค่าทดแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคแรก ศาลล่างกำหนดให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินในส่วนนี้ให้โจทก์ที่ 1 เป็นจำนวน 200,000บาท เป็นการเหมาะสมแล้ว” ฯลฯ

“พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 แบ่งสินสมรส 450,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 ด้วย ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 5,000 บาทแทนโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share