คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4664/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าจ้างก่อสร้างในส่วนที่ค้างเนื่องจากโจทก์ก่อสร้างเสร็จตามสัญญา จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าจำเลยชำระค่าจ้างครบถ้วนทั้งเกินไปกว่าที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จและไม่เรียบร้อย จำเลยต้องจ้างผู้รับเหมารายอื่นเข้าทำงานแทน ทั้งต้องสั่งซื้อวัสดุเครื่องมือก่อสร้างให้โจทก์ด้วยจำเลยสามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปหักออกจากค่าจ้างที่จะต้องจ่ายได้นั้น เป็นการสืบนอกประเด็นไปจากคำให้การ หาใช่เป็นการนำสืบพยานในรายละเอียดเพื่อขยายข้อความในคำให้การไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2537 และวันที่ 4 ตุลาคม 2537จำเลยทั้งสองว่าจ้างให้โจทก์ก่อสร้างสถานีบริการน้ำมันที่ซอยวัดคู้บอนและซอยมหาดไทยโดยตกลงราคาค่าวัสดุและค่าแรงเป็นเงินค่าจ้าง3,830,605 บาท และ 2,019,657 บาท มีกำหนดเวลาสิ้นสุดสัญญาวันที่ 14 ธันวาคม 2537 และวันที่ 19 ธันวาคม 2537 ตามลำดับ โจทก์ทำงานเสร็จเรียบร้อยภายในระยะเวลาที่ตกลงกันและส่งมอบงานให้จำเลยทั้งสองแล้ว แต่จำเลยทั้งสองมิได้ชำระค่าจ้างให้ครบถ้วน คงค้างชำระค่าจ้างสัญญาฉบับแรก 506,000 บาท และสัญญาฉบับที่สองจำนวน 558,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,064,000 บาท แต่โจทก์เรียกร้องเพียง 800,000 บาท โจทก์ทวงถามให้ชำระหนี้แล้วแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าจ้างให้โจทก์ครบแล้วจำเลยที่ 2 ทำสัญญาในฐานะกรรมการของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำในฐานะส่วนตัวโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 มูลหนี้ตามสัญญาจ้างนับแต่วันถึงกำหนดชำระจนถึงวันฟ้องเกินกว่า 2 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 16ธันวาคม 2539) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1เป็นประการแรกว่าจำเลยที่ 1 นำสืบนอกประเด็นไปจากคำให้การหรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ให้ก่อสร้างสถานีบริการน้ำมันโดยอ้างว่า โจทก์ก่อสร้างให้เสร็จเรียบร้อยตามสัญญาแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ชำระค่าจ้างรายพิพาทไม่ครบจึงขอให้บังคับชำระค่าจ้างรายพิพาทในส่วนที่ค้าง จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้เพียงว่าจำเลยที่ 1 ชำระค่าจ้างรายพิพาทครบถ้วนทั้งเกินไปกว่าที่โจทก์ฟ้องส่วนในชั้นพิจารณาจำเลยที่ 1 นำสืบนอกเหนือไปจากคำให้การว่าโจทก์ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จและก่อสร้างไม่เรียบร้อย จำเลยที่ 1 ต้องจ้างผู้รับเหมารายอื่นเข้าทำงานแทน ทั้งจำเลยที่ 1 ได้สั่งซื้อวัสดุเครื่องมือก่อสร้างให้แก่โจทก์เป็นบางส่วนซึ่งจำเลยที่ 1 สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปหักออกจากค่าจ้างที่จะต้องจ่ายให้แก่โจทก์ได้นั้น เห็นว่า เมื่อคำให้การของจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังที่จำเลยที่ 1 นำสืบดังกล่าว จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 นำสืบนอกประเด็นไปจากคำให้การ กรณีหาใช่เป็นการนำสืบพยานในรายละเอียดเพื่อขยายข้อความในคำให้การต่อสู้คดีดังจำเลยที่ 1 ฎีกาไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์นั้น ชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share