แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช้าวันเกิดเหตุก่อนเป็ดของผู้เสียหายตาย จำเลยได้นำข้าวใส่กะละมัง ไปวางไว้ข้างสระน้ำที่เป็ดของผู้เสียหายมาเป็นประจำ และเป็ดของผู้เสียหายตายเพราะกินอาหารที่มีสารเคมีกำจัดแมลงผสมอยู่ แม้โจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยผสมสารเคมีกำจัดแมลงลงไปในข้าวและเป็ดของผู้เสียหายกินข้าวนั้น แต่การที่เป็ดของผู้เสียหายตายอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยหลังจากจำเลยนำข้าวไปวางไว้ข้างสระน้ำที่เป็ดของผู้เสียหายมาเป็นประจำ โดยตรวจพบข้าวและสารเคมีกำจัดแมลงในกะเพาะอาหารของเป็ดที่ตาย เป็นพฤติการณ์เชื่อมโยงให้รับฟังได้ว่า เป็ดตายเพราะกินข้าวผสมสารเคมีกำจัดแมลงที่จำเลยวางไว้ และการที่จำเลยนำข้าวผสมสารเคมีกำจัดแมลงไปวางไว้ข้างสระน้ำที่เป็ดของผู้เสียหายมาเป็นประจำแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเป็ดของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 จำคุก 1 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกรอไว้มีกำหนด1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าในวันเกิดเหตุตามฟ้องเป็ดของผู้เสียหายได้ตายอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยจำนวน 7 ตัว เจ้าหน้าที่ตรวจสารพิษทำการตรวจกระเพาะอาหารเป็ดที่ตายแล้ว พบว่ามีสารเคมีกำจัดแมลง คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเบิกความว่า ผู้เสียหายเลี้ยงเป็ดไว้จำนวน 10 ตัว ปล่อยเลี้ยงไว้ในเวลากลางวัน เป็ดของผู้เสียหายจะไปที่บ้านของจำเลยเป็นประจำ เพราะอยู่ติดกันและบ้านของจำเลยมีสระน้ำ วันเกิดเหตุเด็กหญิงแอปเปิ้ลบุตรผู้เสียหายไปช่วยผู้เสียหายเลี้ยงโคที่ทุ่งนา เวลาประมาณ11 นาฬิกา เด็กหญิงแอปเปิ้ลกลับมาบ้านหุงข้าวไปให้ผู้เสียหายพบเป็ดตาย 1 ตัว จึงไปบอกผู้เสียหาย ผู้เสียหายกับเด็กหญิงแอปเปิ้ลกลับมาที่บ้านพบเป็ดตายอีก 6 ตัวอยู่ข้างสระน้ำในบริเวณบ้านของจำเลย ข้อเท็จจริงเชื่อได้ดังที่เด็กหญิงแอปเปิ้ล เบิกความว่า บ้านจำเลยอยู่ใกล้บ้านผู้เสียหายเช้าวันเกิดเหตุพยานล้างจาน ถูบ้าน และทำงานบ้านเสร็จแล้วก็ออกไปช่วยผู้เสียหายเลี้ยงโคที่ทุ่งนา ก่อนออกจากบ้านพยานเห็นจำเลยนำข้าวใส่กะละมัง สีขาวไปวางไว้ข้างสระน้ำ ต่อมาเวลาประมาณ 11 นาฬิกา พยานกลับบ้านเพื่อหุงข้าว พบเป็ดตายจึงไปบอกผู้เสียหายจึงฟังได้ว่าเช้าวันเกิดเหตุก่อนเป็ดของผู้เสียหายตาย จำเลยได้นำข้าวใส่กะละมัง ไปวางไว้ข้างสระน้ำที่เป็ดของผู้เสียหายมาเป็นประจำ และโจทก์มีนายวรศักดิ์มาเบิกความว่า พนักงานสอบสวนได้ส่งเศษอาหารมาให้ทำการตรวจพิสูจน์ โดยแจ้งว่าเป็นเศษอาหารที่ผ่ามาจากกระเพาะเป็ดเศษอาหารดังกล่าวมีข้าวปะปนอยู่ พยานตรวจเศษอาหารดังกล่าวแล้วปรากฎว่ามีสารเคมีกำจัดแมลง หากเป็ดกินสารเคมีดังกล่าวเข้าไปก็ตายได้ นายวรศักดิ์ไม่เคยรู้จักจำเลย ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะปรักปรำจำเลยเช่นกัน เชื่อได้ว่าเป็ดของผู้เสียหายตายเพราะกินอาหารที่มีสารเคมีกำจัดแมลงผสมอยู่แม้โจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยผสมสารเคมีกำจัดแมลงไปในข้าวและเป็ดของผู้เสียหายกินข้าวนั้น แต่การที่เป็ดของผู้เสียหายตายอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลย หลังจากจำเลยนำข้าวไปวางไว้ข้างสระน้ำที่เป็ดของผู้เสียหายมาเป็นประจำ โดยตรวจพบข้าวและสารเคมีกำจัดแมลงในกะเพาะอาหารของเป็ดที่ตาย เป็นพฤติการณ์เชื่อมโยงให้รับฟังได้ว่า เป็ดตายเพราะกินข้าวผสมสารเคมีกำจัดแมลงที่จำเลยวางไว้ และการที่จำเลยนำข้าวผสมสารเคมีกำจัดแมลงไปวางไว้ข้างสระน้ำที่เป็ดของผู้เสียหายมาเป็นประจำ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเป็ดของผู้เสียหายที่จำเลยอ้างว่าในวันเกิดเหตุจำเลยใช้สารเคมีกำจัดแมลงใส่ในหัวปลาทูให้สุนัขของนางบุญมีที่เคยกัดจำเลยกิน สุนัขกินหัวปลาทูไปหมดแล้วแต่ไม่ตายนั้น ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเพราะไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าสุนัขของนางบุญมามีมาอยู่ที่บ้านของจำเลย พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น