คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4628/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ออกจากงานเพราะครบเกษียณอายุ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2524 นายจ้างของโจทก์จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานให้โจทก์เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2524 เป็นเงิน 94,140 บาทครั้นวันที่ 5 มกราคม 2525 จ่ายเงินบำเหน็จเพราะโจทก์ออกจากงานให้อีก 545,358.25 บาท ไม่ปรากฏว่านอกจากนี้นายจ้างยังจ่ายเงินให้โจทก์เป็นรายเดือนอันมีลักษณะเป็นเงินบำนาญอีก เงินที่นายจ้างจ่ายให้โจทก์ทั้งหมดดังกล่าวเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้โจทก์เพียงครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานชอบที่จะหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา 42 ทวิ วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์และขอให้โจทก์มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายในเงินบำเหน็จที่ได้รับตามมาตรา ๔๒ ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า การคำนวณหักค่าใช้จ่ายของโจทก์ไม่ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และให้โจทก์มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินบำเหน็จที่โจทก์ได้รับตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๔๒ ทวิ วรรคสาม
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ โจทก์ออกจากงานเพราะครบเกษียณอายุ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๒๔ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้นายจ้างของโจทก์จึงจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานให้โจทก์เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม๒๕๒๔ เป็นเงิน ๙๔,๑๔๐ บาท ครั้นวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๒๕ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ได้จ่ายเงินเงินบำเหน็จเพราะเหตุที่โจทก์ออกจากงานให้กับโจทก์อีก ๕๔๕,๓๕๘.๒๕ บาท มีปัญหาว่าในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินบำเหน็จดังกล่าวโจทก์จะหักค่าใช้จ่ายตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๔๒ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากรได้หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มาตรา ๔๒ ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ.๒๕๒๔ มาตรา ๓ ที่ใช้บังคับในขณะนั้นบัญญัติว่า “ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) และ (๒)เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ฯลฯ ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเท่ากับ๔,๐๐๐ บาท คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานแต่ไม่เกินเงินได้พึงประเมิน เหลือเท่าใดให้หักค่าใช้จ่ายอีกร้อยละ๕๐ ของเงินที่เหลือนั้น แต่ถ้าเงินได้พึงประเมินดังกล่าวจ่ายในลักษณะเงินบำเหน็จจำนวนหนึ่งและเงินบำนาญอีกจำนวนหนึ่ง ให้ถือว่าเฉพาะเงินที่จ่ายในลักษณะเงินบำเหน็จเป็นเงินซึ่งนายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน และให้ลดค่าใช้จ่ายจำนวน ๔,๐๐๐ บาท ลงเหลือ ๒,๐๐๐ บาท”ดังนี้จะเห็นได้ว่าเงินได้พึงประเมินที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างเมื่อออกจากงานตามมาตรา ๔๒ ทวิ วรรคสามมีอยู่ ๒ ลักษณะ คือเงินได้พึงประเมินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานลักษณะหนึ่งและเงินได้จ่ายในลักษณะเป็นบำเหน็จจำนวนหนึ่ง และมีลักษณะเป็นบำนาญอีกจำนวนหนึ่ง อีกลักษณะหนึ่ง และกรณีที่นายจ้างจ่ายให้ในลักษณะหลัง เงินบำนาญเท่านั้นที่จะหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา ๔๒ ทวิ วรรคสามนี้ไม่ได้ ปัญหาว่าเงินได้ที่มีลักษณะเป็นบำเหน็จ บำนาญ คืออะไร ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.๒๔๙๔ มาตรา ๔ ให้คำจำกัดความคำว่า บำเหน็จว่า เป็นเงินตอบแทนความชอบฯลฯ ซึ่งจ่ายให้ครั้งเดียว ส่วนบำนาญหมายความว่าเป็นเงินตอบแทนความชอบ ฯลฯ ซึ่งจ่ายเป็นรายเดือน เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ปรากฏว่านอกจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ได้จ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานและเงินบำเหน็จให้โจทก์แล้ว องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ยังได้จ่ายเงินให้โจทก์เป็นรายเดือนภายหลังโจทก์ออกจากงาน อันมีลักษณะเป็นเงินบำนาญด้วย ฉะนั้นเงินที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จ่ายให้โจทก์ทั้งหมดซึ่งรวมถึงเงินบำเหน็จที่กล่าวแล้ว จึงเป็นเงินที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จ่ายให้โจทก์ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ชอบที่โจทก์จะหักค่าใช้จ่ายตามที่มาตรา ๔๒ ทวิ วรรคสามบัญญัติไว้ได้ ที่จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่าการหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา ๔๒ ทวิ วรรคสาม กฎหมายให้หักค่าใช้จ่ายได้เพียงจำนวนเงินที่จ่ายให้ครั้งแรก ส่วนจำนวนเงินที่จ่ายในครั้งที่สองและในครั้งต่อ ๆ มา ต้องหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา ๔๒ ทวิ วรรคแรกนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา ๔๒ ทวิ วรรคสาม หาได้บัญญัติถึงวิธีการหักค่าใช้จ่ายไว้ดังที่จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ไม่ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาคดีชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share