คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4626-4629/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ที่บ้านจำเลยที่ 3 ขณะที่จำเลยทั้งสี่กำลังช่วยกันปลูกบ้านจำเลยที่ 3 อยู่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เจ้าพนักงานศาลจึงได้ส่งโดยวิธีวางหมายต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจ ณ ที่นั้น โดยจำเลยทั้งสี่มีบ้านอยู่ติดกัน แม้เป็นคนละแห่งกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ปรากฏในคำฟ้อง ก็เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาหลายแห่ง ถือได้ว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการวางหมายถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยทั้งสี่มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย จำเลยทั้งสี่ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่ได้สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยทั้งสี่และให้ใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยทั้งสี่แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์และจำเลยทั้งสี่สำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสี่ที่บ้านจำเลยที่ ๓ ขณะที่จำเลยทั้งสี่กำลังช่วยกันปลูกบ้านจำเลยที่ ๓ อยู่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเจ้าพนักงานศาลจึงได้ส่งโดยวิธีวางหมายต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจ ๒ นาย ณ ที่นั้น และได้ความด้วยว่าจำเลยทั้งสี่มีบ้านอยู่ติดกันและต่างอยู่อาสัยมาคนละสิบกว่าปีแล้ว กรณีถือได้ว่าจำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาหลายแห่ง แม้โจทก์จะนำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยยังภูมิลำเนาแห่งอื่นนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ก็ต้องถือว่าได้มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องถูกต้องตามกฎหมาย การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการวางหมายในคดีนี้จึงชอบแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสี่มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
การที่ศาลชั้นต้นให้เลื่อนสืบพยานโจทก์ไปวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๕ พร้อมกับมีหมายให้จำเลยทั้งสี่ไปศาลเพื่อสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตนและนัดสืบพยานโจทก์ แต่มิได้แจ้งว่านัดสืบจำเลยทั้งสี่ด้วยปรากฏว่าในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๕ ซึ่งเป็นวันนัด ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จ โดยมิได้สอบถามจำเลยทั้งสี่ถึงการขอถอนตนของทนายจำเลยแต่อย่างใด เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสี่ไม่อาจทราบมาก่อนได้ว่าศาลจะอนุญาตให้ทนายจำเลยถอนตนหรือไม่ จำเลยทั้งสี่ยังไม่ได้หาทนายใหม่ ถ้าจำเลยทั้งสี่ไม่ค้าน ศาลย่อมอนุญาตให้ทนายจำเลยถอนตน จำเลยทั้งสี่ก็จะมีโอกาสหาทนายใหม่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่มีทนายการขอเลื่อนคดีของจำเลยทั้งสี่จึงมีเหตุผลอันสมควรเพื่อความเป็นธรรม และเป็นคดีที่ดินราคาสูง ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยทั้งสี่เลื่อนคดีได้ การดำเนินคดีในกรณีจำเลยทั้งสี่ขาดนัดยื่นคำให้การนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๙ วรรคสอง บัญญัติว่า ‘ถ้าศาลเห็นว่าการขาดนัดนั้นเป็นไปโดยจงใจหรือไม่มีเหตุอันสมควรแล้ว ให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินคดีต่อไปโดยไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ในกรณีเช่นนี้จำเลยอาจสาบานตนให้การเป็นพยานเองและถามค้านพยานโจทก์ได้ แต่หาอาจเรียกพยานของตนเข้าสืบได้ไม่’ ดังนั้นเมื่อศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีก็ชอบที่จะสืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ด้วย แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไป ฯลฯ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์และตัวจำเลยทั้งสี่แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นศาลฎีกาให้รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.

Share