คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4625/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 แก้ไขเพิ่มเติมตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 329 ลงวันที่ 13 ธันวาคม2515 ข้อ 18 มาตรา 19(1) กำหนดเวลาไว้เฉพาะการขอคืนเงินอากรว่าจะต้องขอภายในหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นกลับออกไป โดยมิได้มีบทบัญญัติว่าจะต้องคืนเมื่อใด หรือกรณีที่จะไม่ให้คืนจะต้องแจ้งให้ผู้ขอคืนทราบในเวลาเท่าใด ในกรณีเช่นนี้จะต้องพิจารณาตามการที่ควรจะพึงปฏิบัติโดยปกติธรรมดา คือจะต้องคืนหรือแจ้งให้ผู้ขอทราบว่าคืนให้ไม่ได้ในเวลาอันควร โจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากโจทก์ยื่นคำร้องของคืนถึง 6 ปีเศษและเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้แล้วจำเลยก็ยังอ้างว่าอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะคืนให้หรือไม่ จึงเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยบ่ายเบี่ยงไปทำเสมือนไม่รับรู้สิทธิของโจทก์ถือได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศและนำเข้ามาในราชอาณาจักร และส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักรเมื่อระหว่างวันที่ 21 ตุลาคม 2523 ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2523โจทก์สั่งซื้อผ้าผืนทอด้วยฝ้ายล้วน ขนาดหน้าผ้า 44/45 นิ้ว จากประเทศไต้หวันเข้ามาในราชอาณาจักรหลายครั้ง ต่อมาภายในกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์นำสินค้าเข้ามา โจทก์ได้ส่งสินค้าที่นำเข้าดังกล่าวบางส่วนกลับออกไปนอกราชอาณาจักรหลายครั้งเพื่อขอคืนเงินอากรขาเข้า 9 ใน 10 ส่วนของที่ชำระไว้9 ใน 10 ส่วนของที่ชำระไว้และขอคืนเงินอากรสำหรับของที่ส่งออกภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งรวมเป็นเงินภาษีอากรที่โจทก์ขอคืนทั้งสิ้น 896,322.10 บาทแต่จำเลยปฏิเสธไม่คืนเงินภาษีอากรจำนวนดังกล่าว การปฏิเสธของจำเลยไม่ชอบ เพราะของที่โจทก์ส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรเป็นของรายเดียวกันกับที่โจทก์นำเข้า ทั้งได้ปฏิบัติตามระเบียบพิธีการส่งของกลับเพื่อขอคืนเงินอากรขาเข้าที่ชำระไว้ทุกประการขอศาลพิพากษาแสดงว่าการปฏิเสธไม่คืนเงินค่าภาษีอากรแก่โจทก์ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการศุลกากร และบังคับจำเลยคืนเงิน896,322.10 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่ชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าสินค้าที่โจทก์ส่งออกเป็นสินค้ารายเดียวกันกับที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ไม่อาจพิจารณาคืนภาษีอากรให้ได้ทั้งในการขอคืนภาษีอากรสำหรับสินค้าที่ส่งออกตามใบขนสินค้าขาออกและแบบแสดงรายการการค้าเลขที่ 1094-3060 และเลขที่ 1104-4980 นั้น จำเลยกำลังพิจารณาว่าจะคืนภาษีอากรให้โจทก์หรือไม่ จำเลยยังมิได้ตอบปฏิเสธการคืนภาษีอากรให้โจทก์จำเลยจึงยังมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจนำคดีส่วนนี้มาฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษาให้จำเลยคืนเงิน 896,322.10 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วในปัญหาแรกนั้นข้อเท็จจริงยุติตามคำให้การของจำเลยว่า โจทก์ได้นำสินค้าตามใบขนสินค้าขาออกและแบบแสดงรายการค้าเลขที่ 1094-3060 และเลขที่1104-4980 ออกไปนอกราชอาณาจักรแล้วภายในหนึ่งปีนับแต่วันนำเข้าและได้ยื่นใบขอคืนอากรของส่งออกภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นกลับออกไปโดยยื่นขอคืนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2524และวันที่ 11 ธันวาคม 2524 จำเลยกำลังพิจารณาว่าจะคืนเงินอากรของส่งออกให้โจทก์หรือไม่ โดยยังไม่ได้ตอบปฏิเสธการคืนอากรให้โจทก์เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2482แก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 329 ลงวันที่ 13ธันวาคม 2515 ข้อ 18 มาตรา 19(ง) กำหนดเวลาไว้เฉพาะการขอคืนเงินอากรว่าจะต้องขอภายในหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นกลับออกไป โดยมิได้มีบทบัญญัติว่าจะต้องคืนเมื่อใด หรือกรณีที่จะไม่ให้คืนจะต้องแจ้งให้ผู้ขอคืนทราบในเวลาเท่าใด ในกรณีเช่นนี้นั้นก็จะต้องพิจารณาตามการที่ควรจะพึงปฏิบัติโดยปกติธรรมดาโดยทั่วไป คือจะต้องคืนหรือแจ้งให้ผู้ขอทราบว่าคืนให้ไม่ได้ในเวลาอันสมควร สำหรับกรณีของโจทก์ในคดีนี้นั้น เมื่อนับระยะเวลาตั้งแต่โจทก์ยื่นคำร้องขอคืนจนถึงวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคือวันที่ 13 พฤษภาคม2531 นั้น เป็นเวลาเนิ่นนานถึง 6 ปีเศษ และเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้แล้วจำเลยก็ยังอ้างว่าอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะคืนให้หรือไม่ขึ้นมาอีก โดยไม่มีกำหนดเวลาให้รู้ได้ว่าการพิจารณานั้นจะสิ้นสุดลงเมื่อใดที่จะให้โจทก์ทราบผลได้ กรณีเช่นนี้นั้นเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยบ่ายเบี่ยงไปทำเสมือนไม่รับรู้สิทธิของโจทก์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ถือได้ว่าโจทก์ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยคืนเงินภาษีอากรตามใบขนสินค้าขาออก และแบบแสดงรายการการค้าเลขที่ 1094-3036 และเลขที่ 1104-4980 ได้”
พิพากษายืน

Share