คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ป. ทำพินัยกรรมยกที่นาพิพาทให้โจทก์เมื่อ ป. ตายแล้ว จำเลยลอบไปขอรับมรดกที่นานั้นเจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงทำนิติกรรมโอนที่พิพาทให้จำเลยขอให้ศาลแสดงว่าการโอนมรดกที่พิพาทนั้นเป็นโมฆะ และแสดงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง ต่อมาในระหว่างการพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ห้ามชั่วคราวก่อนพิพากษา ความว่า โจทก์เคยให้ ช. เช่าทำนาในที่พิพาท แต่จำเลยให้ผู้อื่นเข้าไถหว่านในนาพิพาททำให้โจทก์เสียหายขาดรายได้เปลืองไปเปล่าปีละ 2,500 บาท ขอให้ศาลไต่สวนและสั่งห้ามจำเลยและบริวารเข้าครอบครองทำนาพิพาท หรือมิฉะนั้นก็ให้จำเลยวางเงินประกันการเสียหายปีละ2,500 บาท คำขอของโจทก์ดังนี้ไม่เข้ากรณีแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) และมาตรา 264 ศาลอาจยกคำร้องโจทก์เสียได้โดยไม่ต้องไต่สวน

ย่อยาว

โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ห้ามชั่วคราวก่อนพิพากษาความว่า เดิมโจทก์ฟ้องว่านายเปล่งได้ทำพินัยกรรมยกที่นา 2 แปลง เนื้อที่ 35 ไร่เศษกับ 26 ไร่เศษให้แก่โจทก์ เมื่อนายเปล่งตายแล้ว โจทก์ให้นายชุบเช่าทำนา ต่อมาจำเลยลอบไปขอรับมรดกที่ดิน 2 แปลงนี้ เจ้าหน้าที่หลงเชื่อจึงทำนิติกรรมโอนมรดกที่พิพาทให้จำเลย โจทก์ได้ฟ้องขอให้พิพากษาว่านิติกรรมการโอนมรดกที่นาพิพาทให้จำเลยเป็นโมฆะและแสดงว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครองนาพิพาทห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง ระหว่างการพิจารณาคดีนี้ จำเลยได้ให้ผู้มีชื่อไถนาหว่านข้าวในนาพิพาทแปลงเนื้อที่ 26 ไร่เศษนั้น ทำให้โจทก์เสียหาย เพราะทำนาไม่ได้ โจทก์ต้องขาดรายได้เปลืองไปเปล่าคิดเป็นเงินปีละ 2,500 บาท จึงขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งห้ามจำเลยและบริวารมิให้ครอบครองทำนาพิพาท โดยให้โจทก์ทำนาในระหว่างการพิจารณาไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ถ้าไม่อาจบังคับได้และจำเลยจะทำนา 26 ไร่เศษต่อไป ก็ขอให้วางเงินประกันการเสียหายต่อศาลอย่างน้อยปีละ 2,500 บาท ต่อฤดูทำนา และเงินนี้ให้ได้แก่ฝ่ายชนะคดีในที่สุด

ศาลจังหวัดสระบุรีมีคำสั่งว่า คดีนี้คู่ความพิพาทกันถึงเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โจทก์จะร้องขอให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาไม่ได้ ให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาขอให้สั่งศาลชั้นต้นรับคำร้องดำเนินการไต่สวนแล้วมีคำสั่งต่อไป

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่านิติกรรมการโอนมรดกที่ดินรายพิพาท 2 แปลงแก่นางเว้จำเลยเป็นโมฆะ ส่วนคำร้องของโจทก์ร้องขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยชั่วคราวก่อนพิพากษามิให้ครอบครองที่รายพิพาท จึงเป็นคำร้องขอที่ไม่ตรงกับการกระทำที่ถูกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) และที่โจทก์กล่าวว่าโจทก์ต้องขาดรายได้เปลืองไปเปล่าปีละ 2,500 บาท จะขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารมิให้เข้าครอบครองทำนาพิพาทนั้น เมื่อคดีโจทก์ที่ฟ้องนี้พิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน การที่โจทก์ไม่ได้ค่าเช่าย่อมเรียกไม่ได้ว่าจำเลยทำให้เปลืองไปเปล่าซึ่งทรัพย์สินที่พิพาทตามมาตรา 254(2) นี้

อนึ่ง ที่โจทก์จะขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยวางเงินประกันการเสียหายนั้น อาจถือได้ว่าโจทก์ขอให้มีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาตาม มาตรา 264 ด้วย แต่เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายในการที่โจทก์ขาดผลประโยชน์จากที่ดินรายพิพาทในระหว่างการพิจารณาด้วย กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะบังคับให้จำเลยวางเงินประกันค่าเสียหายตามคำร้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องโจทก์โดยไม่ดำเนินการไต่สวนนั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share