คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับมอบหมายให้พาทรัพย์ของนายจ้างออกไปให้พ้นจากที่วิวาท เพื่อความปลอดภัยแห่งทรัพย์. แล้วจำเลยพาทรัพย์นั้นหนีไป. การกระทำของจำเลยเป็นการเบียดบังยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352. หาใช่กระทำผิดฐานลักทรัพย์ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 และคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่เจ้าทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง จำคุก 1 ปี และให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่เจ้าทรัพย์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์พิพากษาลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริง แล้ววินิจฉัยว่า จำเลยเป็นลูกจ้างนายนิตย์ผู้เสียหาย วันเกิดเหตุนายนิตย์กับจำเลยและพวกไปซื้อสุกรที่บ้านนายไฮ้ ได้เกิดโต้เถียงกับนายไฮ้อย่างรุนแรง นายนิตย์ผู้เสียหายจะเข้าวิวาทกับนายไฮ้และพวกจึงมอบกระเป๋าทรัพย์ให้จำเลยพาออกไปให้พ้นจากที่วิวาท เพื่อความปลอดภัยแห่งทรัพย์เมื่อเลิกวิวาทกันแล้วนายนิตย์ต้องการกระเป๋าทรัพย์คืน แต่หาตัวจำเลยไม่พบ ปรากฏว่าจำเลยพากระเป๋าทรัพย์นั้นหนีไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเบียดบังยักยอกเอาทรัพย์ของนายจ้างไปโดยทุจริตตามฟ้อง หาใช่กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share