คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4592/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264คู่ความฝ่ายใดในคดีนั้นๆจะร้องขอก็ได้แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอเพื่อให้ทรัพย์สินสิทธิหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้นได้รับการคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษากรณีที่จำเลยที่1ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระเงินเช่นในคดีนี้มิใช่พิพาทกันด้วยทรัพย์สินหรือสิทธิหรือประโยชน์จำเลยที่1จึงขอให้โจทก์นำทรัพย์สินหรือเงินมาวางศาลตามมาตรานี้ไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้ทำเช่นนี้ได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้ร่วมรับผิดชำระค่านายหน้าซื้อขายอาคารชุดเป็นเงิน 5,084,948.83 บาท จำเลยทั้งสามให้การและจำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินจำนวน2,201,054.93 บาท คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศ ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย ทั้งไม่มีทรัพย์สินในประเทศไทย หากโจทก์แพ้คดีอาญาอาจไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล ขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายและขอให้ศาลคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยที่ 1 ระหว่างพิจารณาโดยให้โจทก์นำเงินพิพาทตามฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 มาวางต่อศาล
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ยกคำร้อง
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของจำเลยที่ 1 ในส่วนนี้เป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ซึ่งคู่ความฝ่ายใดในคดีนั้น ๆ จะร้องขอก็ได้ แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอ เพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้นได้รับการคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษากรณีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระเงินเช่นในคดีนี้ มิใช่พิพาทกันด้วยทรัพย์สินหรือสิทธิหรือประโยชน์อันจำเลยที่ 1 จะร้องขอเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยที่ 1 จะขอให้โจทก์นำทรัพย์สินหรือเงินมาวางศาลตามมาตรานี้ไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้ทำเช่นนั้นได้
พิพากษายืน

Share