แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นบุตรผู้ตาย จำเลยเป็นภรรยาผู้ตาย โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าทรัพย์หมาย ก.1 เดิมเป็นของผู้ตายมาแต่ก่อนที่ได้ทำการสมรสกับจำเลย เมื่อผู้ตายกับจำเลยสมรสกันแล้ว ผู้ตายได้โอนทรัพย์แปลงนั้นให้แก่บิดาจำเลย ต่อมาบิดาจำเลยจึงได้โอนให้จำเลยในระหว่างสมรสนั้นฟ้องโจทก์ก็กล่าวความท้าวถึงข้อเท็จจริงเช่นว่านี้ แล้วอ้างว่าทรัพย์หมาย ก.1 จึงกลับคืนเป็นสินเดิมอีกวาระหนึ่ง หรือมิฉะนั้นก็เป็นทรัพย์ที่ทดแทนสินเดิมที่ขาดไป ฉะนั้นที่โจทก์แถลงรับในรายงานพิจารณาว่าเป็นสินสมรสจึงมิได้หมายความว่าสินสมรสนั้นจะไม่ต้องเอามาใช้สินเดิมที่ขาดไปของผู้ตาย
จำเลยได้แถลงต่อศาลว่าจะขอสืบว่าที่ดินตามหมาย ก.1 เป็นสินสอด โดยผู้ตายสัญญาว่าจะโอนให้บิดาจำเลยก่อนแต่งงานแล้วต่อมาจึงได้โอนให้ไป ซึ่งข้อเท็จจริงที่จำเลยจะขอสืบนี้ ถ้าเป็นความจริงอาจถือได้ว่า ผู้ตายจำหน่ายสินเดิมของตนเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว โดยไม่ได้ยินยอมด้วย กรณีอาจต้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1514ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจึงไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรนายมั่ง จำเลยเป็นภรรยานายมั่ง นายมั่งตายลงมีสินเดิมและสินสมรส จึงขอแบ่งมรดกจากจำเลย สำหรับทรัพย์มรดกอื่นโจทก์ จำเลยตกลงกันในข้อเท็จจริง คงติดใจโต้เถียงเฉพาะทรัพย์ตามบัญชีหมาย ก.1 ซึ่งจำเลยให้การว่า ทรัพย์ตามบัญชีหมาย ก. เลข 1 นั้น นายมั่งโอนให้บิดาจำเลยเป็นค่าสินสอดแล้วบิดาจำเลยโอนให้จำเลยเป็นสินส่วนตัว วันชี้สองสถานโจทก์แถลงว่าที่ดินตามบัญชีหมาย ก. เป็นสินสมรสโดยบิดาของจำเลยยกให้แก่จำเลยภายหลังอยู่กินเป็นสามีภรรยากันแล้ว จำเลยแถลงว่าที่ดินหมาย ก. เป็นทรัพย์สินของนายมั่งมีอยู่ก่อนแต่งงานกับจำเลยแล้วนายมั่งยกให้แก่บิดาจำเลย เมื่อจำเลยเป็นภริยานายมั่งแล้วต่อมาบิดาจำเลยได้ยกให้แก่จำเลยภายหลัง สืบพยานจำเลยได้ 1 ปากจำเลยจะขอสืบว่าที่ดินหมาย ก.1 เป็นสินสอด แล้วบิดาโอนกลับเป็นชื่อของจำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้แบ่งมรดก นายมั่งระหว่างโจทก์จำเลยกับบุตรนายมั่งและชี้ขาดว่าที่ดินหมาย ก. 1 เป็นสินเดิมของนายมั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ดินหมาย ก.1 เป็นสินสมรสพิพากษาแก้ ให้แบ่งทรัพย์หมาย ก.1 อย่างสินสมรส นอกนั้นยืนตาม
โจทก์ฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งทรัพย์ หมาย ก.1 อย่างสินสมรสโดยไม่ให้กลับไปทดแทนสินเดิมของนายมั่งที่ขาดหายเสียไม่ชอบ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องทรัพย์หมาย ก.1 โจทก์จำเลยรับกันว่า เดิมเป็นของนายมั่งมาแต่ก่อนที่ได้ทำการสมรสกับจำเลยเมื่อนายมั่งกับจำเลยเป็นสามีภริยากันแล้ว นายมั่งได้โอนทรัพย์แปลงนี้ให้แก่บิดาจำเลย ต่อมาบิดาจำเลยจึงโอนให้แก่จำเลยในระหว่างสมรสนั้น ฟ้องของโจทก์ก็ท้าวถึงข้อเท็จจริงเช่นว่านี้ แล้วอ้างว่าทรัพย์หมาย ก.1 จึงกลับคืนเป็นสินเดิมอีกวาระหนึ่งหรือมิฉะนั้นก็เป็นทรัพย์ที่ทดแทนสินเดิมที่ขาดไป ฉะนั้นที่โจทก์แถลงรับในรายงานพิจารณาว่า เป็นสินสมรส เพราะบิดาจำเลยให้จำเลยภายหลังการแต่งงานเป็นสามีภริยากันแล้วนั้น จึงมิได้หมายความว่าสินสมรสนั้นไม่ต้องใช้สินเดิมที่ขาดไปของนายมั่ง แต่ปัญหาข้อที่ว่าจะต้องเอาทรัพย์หมาย ก.1 ใช้สินเดิมของนายมั่งที่ขาดไปหรือไม่นี้ จำเลยได้แถลงต่อศาลว่าจะขอสืบว่าที่ดินตามบัญชีหมาย ก.1 เป็นสินสอดซึ่งข้อเท็จจริงที่จำเลยขอสืบนี้ ถ้าเป็นความจริงอาจถือได้ว่า นายมั่งจำหน่ายสินเดิมของตนเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวโดยจำเลยไม่ได้ยินยอมด้วย กรณีอาจต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1514 ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเสียไม่ชอบ
พิพากษาคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาตามประเด็นที่จำเลยขอสืบแล้วพิพากษาใหม่