คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4588/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อกำหนดในสัญญาเช่าซื้อที่ให้ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกให้ผู้เช่าซื้อใช้ราคารถยนต์ที่เช่าซื้อเป็นการกำหนดค่าเสียหายที่สูงเกินไป เพราะราคารถยนต์ที่เช่าซื้อนั้นเป็นการคิดราคารถรวมกับค่าเช่า และการใช้รถต้องมีการเสื่อมราคา ดังนั้นศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองฐานผิดสัญญาเช่าซื้อ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การสู้คดี
จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย56,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย และให้ร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดีด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยเอง หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองใช้ราคารถ 45,000 บาท และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายนับแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2529 เป็นต้นไปในอัตราเดือนละ 2,000 บาท จนกว่าจะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์หรือใช้ราคารถให้โจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1เช่าซื้อรถยนต์ดัทสันกระบะจากโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันโดยรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1แล้วผิดนัดสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้เลิกกันแล้ว คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชดใช้ราคารถยนต์ให้โจทก์เต็มจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เอกสารหมาย จ.4 ได้ระบุราคารถยนต์ที่เช่าซื้อเป็นเงิน 114,136 บาท ข้อเท็จจริงได้ความจากคำพยานโจทก์ว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์แล้วเป็นเงิน19,500 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์ทางได้เสียของโจทก์แล้ว เห็นว่าโจทก์เรียกให้ใช้ราคารถยนต์มาเท่ากับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระคือจำนวน 94,636 บาท จึงเป็นจำนวนที่สูงเกินไปเพราะราคารถยนต์ที่เช่าซื้อนั้นเป็นการคิดราคารถรวมกับค่าเช่าและการใช้รถต้องมีการเสื่อมราคา ดังนั้น จึงเห็นสมควรกำหนดให้จำเลยทั้งสองใช้ราคารถยนต์จำนวน 70,000 บาท เมื่อโจทก์ไม่ได้รับรถยนต์คืนจากจำเลย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดีด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยเองหากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 70,000 บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share