คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4580/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางในวันที่ 26 ธันวาคม 2544 แล้ว แต่ไม่มาศาลในวันดังกล่าว และไม่ได้ขวนขวายดำเนินการขอคัดถ่ายคำพิพากษาของศาลและคำเบิกความพยานตลอดจนเอกสารต่าง ๆ เพื่อจัดทำอุทธรณ์โดยเร็ว กลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนานถึง 20 วัน ทนายจำเลยจึงได้ขอคัดถ่ายคำพิพากษาและคำเบิกความพยาน ซึ่งศาลได้อนุญาตในวันนั้นเอง ต่อมาวันที่ 21 มกราคม 2545 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ไปอีก 1 เดือน นับแต่วันครบระยะเวลาอุทธรณ์ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องในวันเดียวกัน และทนายจำเลยได้รับสำเนาคำพิพากษาและคำเบิกความพยานที่ขอคัดถ่ายในวันดังกล่าว แต่จำเลยไม่ได้นำคำฟ้องอุทธรณ์มายื่นทั้งที่ยังเหลือระยะเวลาอีก 7 วัน ก่อนครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ แม้คดีนี้จะมีทุนทรัพย์สูง แต่เป็นคดีไม่ซับซ้อน คำเบิกความของพยานและเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการอุทธรณ์มีไม่มาก ทนายจำเลยเป็นทนายมาตั้งแต่เริ่มการพิจารณา ย่อมทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ อยู่แล้วย่อมสามารถยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาได้ ที่ทนายจำเลยอ้างว่าหลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้วไม่สามารถติดต่อกับจำเลยได้ และต้องใช้เวลารวบรวมค่าธรรมเนียมศาลนั้น ตามใบแต่งทนายความระบุไว้ชัดแจ้งว่า ทนายจำเลยมีอำนาจในการอุทธรณ์ฎีกาได้ ดังนั้น ทนายจำเลยสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องพบจำเลยก่อน ส่วนเงินค่าธรรมเนียมศาลนั้น แม้จะมีจำนวนสูง แต่ทนายจำเลยมีสิทธิที่จะขอขยายระยะเวลาวางเงินต่อศาลออกไปได้โดยไม่ต้องขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ กรณีจึงเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยที่ดำเนินการล่าช้าเอง ไม่มีเหตุสมควรที่จะขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินจำนวน ๗,๓๗๒,๐๓๑.๕๕ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยเงินเพิ่มอัตราร้อยละ ๑.๕ ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะต้องชำระในแต่ละเดือนภาษีนับแต่วันฟ้องวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๔ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่เมื่อรวมกับเงินเพิ่มถึงวันฟ้องแล้วต้องไม่เกินจำนวนภาษีที่จะต้องชำระในแต่ละเดือนภาษี ให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดชำระเงินแก่โจทก์จำนวน ๒,๒๗๗,๗๙๙.๗๗ บาท คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
ก่อนครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก ๑ เดือน นับแต่วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๔
ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่า มีเหตุสมควรอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสองหรือไม่ เพียงใด เห็นว่า นับตั้งแต่วันที่ศาลภาษีอากรกลางอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง จำเลยทั้งสองมีระยะเวลาที่จะจัดทำอุทธรณ์และนำมายื่นต่อศาลฎีกาได้ตามกฎหมายนานถึง ๑ เดือน แต่จำเลยทั้งสองไม่ได้ขวนขวายดำเนินการขอคัดถ่ายคำพิพากษาและคำเบิกความของพยานโจทก์จำเลยตลอดจนเอกสารต่าง ๆ เพื่อจัดทำคำฟ้องอุทธรณ์โดยเร็ว กลับปล่อยปละละเลยให้เวลาล่วงเลยไปนานถึง ๒๐ วัน จึงได้ขอคัดถ่ายคำพิพากษาและคำเบิกความของพยานโจทก์จำเลยต่อศาลภาษีอากรกลาง ซึ่งศาลภาษีอากรกลางก็ได้อนุญาตในวันนั้นเอง ต่อมาวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๕ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาออกไปอีก ๑ เดือน นับตั้งแต่วันครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องในวันนั้นเอง และในวันดังกล่าวจำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำพิพากษาและคำเบิกความพยานโจทก์จำเลยไปแล้วด้วย ตั้งแต่วันที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องจนถึงวันที่ครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์มีเวลานานถึง ๗ วัน ที่ทนายจำเลยสามารถนำคำฟ้องอุทธรณ์มายื่นต่อศาลได้ เพราะได้รับเอกสารต่าง ๆ ที่ขอจากศาลไปครบถ้วนแล้ว แต่ทนายจำเลยกลับปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปอีกโดยมิได้ดำเนินการจัดทำคำฟ้องอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่คดีนี้แม้จะมีทุนทรัพย์สูง แต่เป็นคดีที่ไม่ซับซ้อน คำเบิกความของพยานบุคคลและพยานเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ประกอบในการจัดทำคำฟ้องอุทธรณ์มีจำนวนไม่มาก ทนายจำเลยเองเป็นทนายในคดีนี้มาตั้งแต่เริ่มการพิจารณาย่อมทราบข้อเท็จจริงในคดีตลอดจนเอกสารต่าง ๆ ดีอยู่แล้ว หากตั้งใจจริงแล้วก็สามารถนำคำฟ้องอุทธรณ์มายื่นต่อศาลฎีกาภายในกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ได้ ข้อที่จำเลยอ้างเป็นทำนองว่าได้รับเอกสารที่ขอคัดถ่ายจากศาลภาษีอากรกลางล่าช้าจึงฟังไม่ขึ้น ส่วนที่ทนายจำเลยอ้างว่าหลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้วไม่สามารถติดต่อกับจำเลยทั้งสองได้เพราะจำเลยทั้งสองไม่อยู่ติดงานเทศกาลปีใหม่ และต้องใช้เวลารวบรวมเงินค่าธรรมเนียมวางศาลเป็นจำนวนสูงมากนั้น เห็นว่า ตามใบแต่งทนายความจำเลยได้ระบุไว้ชัดแจ้งแล้วว่าให้ทนายจำเลยมีอำนาจในการอุทธรณ์ฎีกาได้ ดังนั้นหากประสงค์จะอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ทนายจำเลยก็สามารถดำเนินการได้เลยโดยมิต้องรอพบจำเลยทั้งสองก่อน และหากภายหลังจำเลยทั้งสองไม่ประสงค์จะอุทธรณ์ก็สามารถถอนคำฟ้องอุทธรณ์ได้ สำหรับเงินค่าธรรมเนียมวางศาลนั้นแม้จะมีจำนวนสูงแต่ทนายจำเลยก็มีสิทธิที่จะขอขยายระยะเวลาวางเงินต่อศาลออกไปได้โดยมิต้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ กรณีเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยที่ดำเนินการล่าช้าเอง จึงไม่มีเหตุสมควร และไม่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะอนุญาตขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๑๙ ที่ศาลภาษีอากรกลางยกคำร้องของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share