แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 นำโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 3ไปประกันตัวผู้ต้องหากับโจทก์ จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาในนามของจำเลยที่ 1 พร้อมกับแนบโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 2เป็นหลักประกัน ดังนี้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 132 ในการตีความแสดงเจตนานั้นให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษร จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะตัวการ จำเลยที่ 1เป็นตัวแทนหาต้องรับผิดด้วยไม่ ค่าปรับฐานผิดสัญญาประกันนั้นศาลมีอำนาจลดลงได้ตามความเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดี.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัว และฐานะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 2 ทำสัญญาประกันตัวนางสาววนิดา ว่องไว ผู้ต้องหาไปจากความควบคุมของพนักงานอัยการ ให้โจทก์เป็นคู่สัญญา โดยนำที่ดินซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์เป็นหลักประกันต่อมาจำเลยทั้งสองผิดสัญญาประกันไม่ส่งตัวผู้ต้องหาตามกำหนดนัดขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามสัญญาประกันจำนวน160,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจนำหลักทรัพย์โฉนดที่ดินของจำเลยที่ 2 ไปประกันตัวผู้ต้องหากับโจทก์เท่านั้น ต่อมาเกิดขัดข้องส่งตัวผู้ต้องหาไม่ทัน แต่ภายหลังจำเลยที่ 1 ได้ส่งตัวผู้ต้องหา และศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับผิดตามสัญญาประกัน จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 มิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ตามสัญญาประกันมิได้ระบุว่าจำเลยที่ 1กระทำการแทนจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เพียงมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1นำโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 2 ไปวางเป็นหลักประกันในการประกันตัวผู้ต้องหาเท่านั้น ต่อมาจำเลยที่ 2 นำเจ้าพนักงานติดตามจับผู้ต้องหาส่งให้โจทก์แล้วเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2527 แต่โจทก์กลับส่งเรื่องให้กองคดี กรมตำรวจฟ้องจำเลยที่ 2 ทางแพ่ง เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองผิดสัญญาประกัน แต่จำเลยที่ 2 ขวนขวายติดตามนำเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม ผู้ต้องหาได้โดยเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 บาท จึงสมควรลดค่าปรับให้จำเลยที่ 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 160,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 จำนวน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าปรับ 30,000บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 2 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 นำโฉนดที่ดินเลขที่40366 และ 40367 ตำบลบางเขน (สวนใหญ่) อำเภอเมืองนนทบุรี(ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี อันเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2ไปประกันตัว นางสาววนิดา ว่องไว ผู้ต้องหาซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต กับโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาดังกล่าวในนามจำเลยที่ 1 โดยนำที่ดินตามโฉนดดังกล่าวเป็นหลักประกัน และจำเลยที่ 1 ได้เข้าทำสัญญาประกันรายนี้ในนามตนเอง พร้อมกับแนบหลักประกันคือโฉนดที่ดินนั้นให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐานปรากฏตามคำร้องขอประกันผู้ต้องหา หนังสือมอบอำนาจและสัญญาประกันเอกสารหมาย จ.1, จ.2 และ จ.5 คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยข้อแรกว่าจำเลยที่ 1 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2ตามสัญญาประกันต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 2 มีเจตนาที่แท้จริงขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อโจทก์ โดยทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้กระทำการแทน อันมีข้อความระบุว่ามอบให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจจัดการประกันตัวผู้ต้องหา โดยนำหนังสือรับรองราคาประเมินตามเครื่องหมายเลขที่ดินรวม 2 โฉนด พร้อมทั้งให้ถ้อยคำต่าง ๆ แก่เจ้าหน้าที่ไว้ด้วย รายละเอียดปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจ เอกสารหมาย จ.2 แม้จำเลยที่ 1 จะเข้าทำสัญญาประกันในนามตนเอง มิได้ระบุว่ากระทำการแทนจำเลยที่ 2 ก็ตามแต่ในการตีความแสดงเจตนานั้นให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษร ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 132 แสดงว่าจำเลยที่ 1มีเจตนาขอประกันตัวผู้ต้องหาแทนจำเลยที่ 2 ตามที่ได้รับมอบอำนาจมาหาได้กระทำการเป็นส่วนตัวแต่อย่างใดไม่ ประกอบกับการมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันผู้ต้องหารายนี้ จะต้องมีหลักประกัน และจำเลยที่ 1 ก็ได้ทำสัญญาประกันโดยมอบหลักประกันของจำเลยที่ 2 ให้โจทก์ยึดถือไว้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 จะขอประกันเป็นการส่วนตัวหาได้ไม่ เพราะจำเลยที่ 1 ไม่มีหลักทรัพย์เป็นประกัน ย่อมถือได้ว่าสัญญาประกันรายนี้จำเลยที่ 1 เป็นผู้กระทำการแทนจำเลยที่ 2เท่านั้น จำเลยที่ 2 จึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ในฐานะเป็นตัวการส่วนจำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวแทนหาต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2ด้วยไม่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นลดเบี้ยปรับให้จำเลยที่ 2เป็นเงิน 30,000 บาท อันเป็นจำนวนพอสมควร ศาลอุทธรณ์ไม่ควรลดค่าปรับลงอีกนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 2 เคยให้ความอุปการะจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นบิดาผู้ต้องหา และผู้ต้องหาเป็นลูกศิษย์จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของโรงเรียนศุภศึกษาสถานพิมพ์ดีด เมื่อจำเลยที่ 1ขอร้องให้จำเลยที่ 2 ประกันตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุตรของตน จำเลยที่ 2 ย่อมมีความเห็นใจมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการขอประกันแทนโดยมิได้รับผลประโยชน์ตอบแทนแต่อย่างใด ต่อมาผู้ต้องหาหลบหนี จำเลยที่ 2 ได้พยายามขวนขวายติดตามผู้ต้องหาตลอดมาจนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ประเทศสิงคโปร์ ภายหลังผู้ต้องหากลับประเทศไทย และพักอยู่ที่กรุงเทพอพาร์ตเมนต์เขตพญาไท จำเลยที่ 2 ได้นำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุม จนส่งตัวฟ้อง และศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว ความเสียหายของโจทก์จึงมีน้อยที่ศาลอุทธรณ์ลดค่าปรับให้จำเลยที่ 2 เหลือเพียง 30,000 บาท นั้นนับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข…”
พิพากษายืน.