แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลย ผู้ร้อง และว. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในคดีเดียวกัน โจทก์คดีนี้ได้แยกฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวโดยขอให้ริบรถยนต์ของกลางด้วย ศาลพิพากษาให้ริบของกลาง คดีถึงที่สุด ส่วนผู้ร้องและ ว. ถูกฟ้องที่ศาลอาญาโดยโจทก์ในคดีที่ผู้ร้องและ ว. ถูกฟ้องนั้นขอริบรถยนต์ของกลางเช่นกัน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำขอให้ริบรถยนต์ของกลาง ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องขอคืนของกลางในคดีนี้ เมื่อปรากฏว่า รถยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด จึงต้องคืนให้แก่ผู้ร้อง
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 335(3)(7) วรรคสาม (ที่ถูกวรรคสอง), 336 ทวิ และริบรถยนต์หมายเลขทะเบียน ผ-2192 พิษณุโลก ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า รถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย และรถยนต์ของกลางไม่ใช่ยานพาหนะที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้สั่งคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลาง ผู้ร้องร่วมกระทำความผิดกับจำเลยและรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดโดยใช้รถยนต์ของกลางดังกล่าวเป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดร่วมกับจำเลยด้วย
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า จำเลยกับพวกเพียงนำรถยนต์ของกลางมาจอดใกล้บริเวณเกิดเหตุเท่านั้น และจะใช้รถยนต์คันดังกล่าวในการขนย้ายทรัพย์ออกไปหลังจากที่ลักทรัพย์สำเร็จแล้ว เมื่อยังไม่มีการขนย้ายทรัพย์ที่ลักมาขึ้นรถยนต์ของกลาง จึงรับฟังไม่ได้ว่า มีการใช้รถยนต์ของกลางเป็นเครื่องมือหรือส่วนหนึ่งในการลักทรัพย์โดยตรง รถยนต์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงจะริบได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 จึงต้องคืนให้แก่ผู้ร้อง ปัญหาที่ว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นอ้างสู่ศาลฎีกาโดยตรงก็ตาม แต่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้วปัญหาตามฎีกาโจทก์ที่ว่าคำพิพากษาสองศาลขัดกันให้ถือคำพิพากษาของศาลสูงกว่านั้น จะนำมาใช้ในคดีอาญาหรือไม่ และผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน