แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอนเตอร์ไพร์ส จำกัด ได้นำเช็คหมาย จ.8 แลกเอาเงินไปจากโจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน บริษัทดังกล่าวจึงมอบเช็คพิพาทซึ่งห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้โจทก์ โจทก์จึงนำเช็คพิพาทไปขายลดแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาพระโขนง แต่เช็คพิพาทถูกธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงต้องชำระเงินแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง แล้วรับเช็คพิพาทกลับคืนมาฟ้องจำเลยทั้งสอง กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริตและมีมูลหนี้ต่อกันโดยชอบด้วยกฎหมาย หาใช่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอนเตอร์ไพร์ส จำกัด โดยคบคิดกันฉ้อฉลไม่ การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าได้นำเช็คเอกสารหมาย ล.7 ไปชำระแก่บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอนเตอร์ไพร์ส จำกัดหลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คพิพาทแล้ว ย่อมไม่ทำให้จำเลยที่ 1 หลุดพ้นความรับผิดต่อธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ดังนั้นเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายลดเช็คพิพาทได้ชำระเงินตามสัญญาขายลดเช็คพิพาทแก่ธนาคาร-กรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง แล้ว ได้รับเช็คพิพาทกลับคืนมา โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท โดยรับช่วงสิทธิจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ในการฟ้องให้จำเลยทั้งสองให้รับผิดตามเช็คพิพาทได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า บริษัท พี.พี.ที.บีสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัดนำเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสะพานขาว จำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทซึ่งเป็นเช็คของห้างจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราสำคัญของห้างจำเลยที่ ๑ มาชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์สลักหลังเช็คดังกล่าวขายลดให้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงต้องชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน ๑๑๑,๙๘๕ บาท ให้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด และรับเช็คกับใบคืนเช็คกลับคืนมาโจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็ค แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยจำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดใช้เงิน ๑๑๑,๙๘๕ บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีคิดจากต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่โจทก์ชำระเงินแก่ธนาคารถึงวันฟ้องอีก ๒,๕๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑๑๔,๔๘๕ บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๑๑๔,๔๘๕ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีคิดจากต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทั้งสองได้ชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด แล้ว โจทก์ได้สมคบกับบริษัทดังกล่าวฉ้อฉลไม่ยอมคืนเช็คให้จำเลยทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน๑๐๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๒๘ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัทพี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ด้วยคบคิดกันฉ้อฉล จึงมิใช่ผู้ทรงโดยชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามพยานหลักฐานของโจทก์ว่า บริษัทพี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด นำเช็คหมาย จ.๘ แลกเอาเงินไปจากโจทก์ แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามหลักฐานใบคืนเช็คเอกสารหมายจ.๙ บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด จึงได้มอบเช็คพิพาทและเช็คอีก ๒ ฉบับ ซึ่งห้างจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ตามเช็คหมาย จ.๘ โจทก์ได้นำเช็คพิพาทไปขายลดแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนงแต่เช็คพิพาทถูกธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงต้องชำระเงินแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ตามหลักฐานเอกสารหมาย จ.๑๐ แล้วรับเช็คพิพาทกลับคืนมาฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาท กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัดโดยสุจริต และมีมูลหนี้ต่อกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แล้วได้โอนขายให้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ไป หาใช่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยทั้งสองไม่ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทอยู่ในขณะนั้น การที่จำเลยที่ ๑ อ้างว่าได้นำเช็คหมาย ล.๗ ไปชำระแก่บริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนสเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด หลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทแล้วย่อมไม่ทำให้จำเลยที่ ๑ หลุดพ้นความรับผิดต่อธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยมีเช็คพิพาทที่เป็นเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถืออยู่ในครอบครองดังนั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายลดเช็คพิพาทแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนงได้ชำระเงินตามสัญญาขายลดเช็คแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนงแล้วได้รับเช็คพิพาทกลับคืนมา โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท โดยรับช่วงสิทธิจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพระโขนง ในการฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทได้ กรณีหาใช่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากบริษัท พี.พี.ที.บิสซิเนส-เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ด้วยคบคิดกันฉ้อฉลไม่ ห้างจำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้สั่งจ่ายเงินตามเช็คพิพาท จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง จำเลยที่ ๒ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ ๑ ก็ต้องร่วมรับผิดในหนี้ของห้างจำเลยที่ ๑ ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเป็นการชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๒๔๙ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน.