คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4570/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้กรรมการผู้มีอำนาจสองคนมีอำนาจมอบอำนาจให้นาย ก เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์และมีอำนาจมอบอำนาจช่วงได้ และโจทก์มอบอำนาจให้นางสาว ธ สามารถทำสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ได้ สัญญาเช่าซื้อจึงชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ว่า ตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 และ 5 ในช่องเจ้าของไม่ใช่ลายมือชื่อกรรมการของโจทก์ ผู้ลงลายมือชื่อไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนและไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์กับไม่มีตราประทับของโจทก์ ทั้งการที่โจทก์มอบอำนาจให้นางสาว ธ เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน แต่นาย ฉ ผู้มอบอำนาจไม่ใช่กรรมการของโจทก์ จึงไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนโจทก์นั้น เป็นการอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายและอนุญาตให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการส่งอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพื่อพิจารณาต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 228,511 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 52,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของจำนวนเงินดังกล่าวนับถัด จากวันฟ้อง ( ฟ้องวันที่ 28 ธันวาคม 2550 ) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้กรรมการผู้มีอำนาจสองคนมีอำนาจมอบอำนาจให้นายกริชเพชร เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์และมีอำนาจมอบอำนาจช่วงได้ และโจทก์มอบอำนาจให้นางสาวธมนวรรณ สามารถทำสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ได้ สัญญาเช่าซื้อจึงชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ว่า ตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 และ 5 ในช่องเจ้าของไม่ใช่ลายมือชื่อกรรมการของโจทก์ ผู้ลงลายมือชื่อแทนไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนและไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์กับไม่มีตราประทับของโจทก์ อีกทั้งการที่โจทก์มอบอำนาจให้นางสาวธมนวรรณเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน แต่นายฉัตรชัย ไกวัลกุล ผู้มอบอำนาจไม่ใช่กรรมการของโจทก์ จึงไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนโจทก์นั้น เป็นการอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่า ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายและอนุญาตให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการส่งอุทธรณ์ของจำเลนที่ 1 และที่ 2 ไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพื่อพิจารณาต่อไป
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้จำเลยทื่ 1 และที่ 2 ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษา

Share