แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่สามีเอาที่นาที่สวนและสิ่งปลูกสร้างอันเป็นสินบริคณห์ไปจดทะเบียนยกให้จำเลยโดยมิได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากโจทก์ซึ่งเป็นภริยา การนั้นย่อมไม่สมบูรณ์จำเลยจะยกขึ้นยันโจทก์ไม่ได้และโจทก์ขอให้เพิกถอนการยกให้นั้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่สามีโจทก์เอาทรัพย์ที่เป็นสินสมรสไปขอให้จำเลยโดยโจทก์มิได้รู้เห็นด้วยและเรียกทรัพย์นั้นคืน
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสินบริคณห์จดทะเบียนยกให้จำเลยโดยโจทก์มิได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือ ขัดต่อมาตรา1473, 1476 พิพากษาให้จำเลยคืน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มาฟ้องคดีเกิน 1 ปี พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมที่นายคำสามีโจทก์เอาที่ดินสินสมรสไปจดทะเบียนยกให้จำเลยโดยโจทก์มิได้ยินยอมด้วยจำเลยให้การว่าทรัพย์ที่ยกให้เป็นของนายคำโดยเฉพาะไม่ใช่ทรัพย์ของโจทก์ประเด็นจึงมีพิพาทกันเฉพาะว่านายคำเป็นเจ้าของทรัพย์แต่ผู้เดียวหรือเป็นสินสมรสซึ่งนายคำไม่มีอำนาจเอาไปยกให้จำเลยโดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาเลยไปถึงสิทธิครอบครองที่พิพาทว่าโจทก์มิได้ฟ้องเรียกคืนภายใน 1 ปี จึงเป็นข้อนอกประเด็น โดยคู่ความมิได้ยกเป็นข้อพิพาทกันในศาลชั้นต้นแต่ประการใด ศาลฎีกาเห็นว่า ที่นาที่สวนและสิ่งปลูกสร้างในที่สวนที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างนายคำกับโจทก์ นายคำเอาที่พิพาทไปทำนิติกรรมจดทะเบียนยกให้จำเลยในพฤติการณ์เช่นคดีนี้ได้ก็ต่อเมื่อนายคำได้รับความยินยอมของโจทก์ผู้เป็นภริยาเสียก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 ความยินยอมนี้ต้องทำเป็นหนังสือตามมาตรา 1436 เมื่อไม่มีความยินยอมของโจทก์เป็นหนังสือการที่นายคำจดทะเบียนยกที่พิพาทให้จำเลยก็ไม่สมบูรณ์ จำเลยจะยกขึ้นอ้างยันโจทก์ซึ่งเป็นภริยานายคำหาได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ขอเพิกถอนการที่นายคำยกที่ดินให้จำเลยได้นั้น ชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น